[April 2017]

 

Day 1

• National Museum of Bhutan, Paro
• National Memorial Choeten, Thimphu
• School of Art, Thimphu
• Tashichho Dzong, Thimphu

Day 2

• Big Buddha (Buddha Dordenma statue), Thimphu
• Dochula Pass, from Thimpu to Punakha
• Chimi Lhakhang, Punakha

Day 3

• Punakha Dzong, Punakha
• Traditional Bhutanese Costume
• Paro Street, Paro

Day 4

• Taktsang Lhakhang “The Tiger’s Nest”, Paro

Other Pictures

• Landscape Bhutan
• People
• Flower
• Souvernir

 

เนื้อเรื่อง/ภาพ โดย เพจ กล้องเล็กพาเที่ยว

https://www.facebook.com/klonglekpateaw

 

เรียบเรียงโดย  เพจ Journeyaddict

Journeyaddict.com

 

Day 1 

มาเที่ยวภูฎานให้สนุก เจออากาศเย็นสบายถูกใจ ต้องเลือกมาให้ถูกช่วง

เลือกมาเที่ยวภูฎานเดือนเมษายน เพราะอากาศช่วงนี้น่าเที่ยวที่สุด อุณหภูมิ 10 – 16 องศา อากาศกำลังสบายๆ ไม่หนาว เดินเล่นชิลชิล เหงื่อไม่ตก

เดินทางด้วยสายการบินภูฎานแอร์ไลน์ เที่ยว 3 เมือง คือ ทิมพู พูนาคา พาโร เพราะที่เที่ยวสำคัญอยู่ที่สามเมืองนี้

 

เดินทางมาถึงสนามบินเมืองพาโร เดินลงจากเครื่องบิน ขอถ่ายรูปหมู่กันสักนิด

ลงเครื่องแล้ว เริ่มเดินกันเกะกะ หามุมใครมุมตัวเอง ฉันอยากถ่ายรูป แต่ละคนควักมือถือ คว้ากล้อง ออกมาถ่ายรูปกันระวิง ได้มาหลายใบ

เดินเข้า gate ตรงประตูสีดำที่เห็นข้างหน้า จากเครื่องเข้าประตูสนามบิน ไม่ไกลเลย

แผนที่ประเทศภูฎาน เที่ยวเมืองพาโร ทิมพู พูนาคา ตามที่วงไว้สีขาว ทริปนี้เที่ยวสามเมืองเพราะที่เที่ยวสำคัญอยู่ที่สามเมืองนี้

สายการบินภูฎานแอร์ไลน์

 

• National Museum of Bhutan, Paro

พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ที่สวยที่สุด ของเมืองพาโร ประเทศภูฎาน

ที่นี่ให้ถ่ายภาพได้แต่ด้านนอก ห้ามถ่ายภาพด้านในพิพิธภัณฑ์

 

 

 

 

 

• National Memorial Choeten

  เมืองทิมพู ภูฎาน

  แวะอนุสรณ์มหาสถานที่สร้างสมัยรัชกาลที่ 3 ของประเทศภูฎาน
  วันเดินทางมาถึง ฟ้าฝนไม่เป็นใจ ฝนตกหนัก ทำให้มีรูปภาพมาฝากน้อย
  แต่อนุสรณ์สวยมาก

   

  

  

  

  

  

  

  

  

  

   

   

 

• School of Art

จากนั้นมาเยือนโรงเรียนสอนงานศิลปะ เป็นโรงเรียนในโครงการพระราชดำริ ที่ให้นักเรียนมาวาดรูป ทอผ้า ตัดเย็บ แกะสลัก และมีงานปั้นต่างๆ ชิ้นงานสวยๆทั้งนั้น อย่างผ้า หรือผ้าประดับห้อง อย่านึกว่าราคาร้อย สองร้อย ราคาย่อมเยาหยาก ที่นี่ราค่หลักพันขึ้น เพราะงานทำมือและมีความเป็นเอกลักษณ์ของชาวภูฎาน นักท่องเที่ยวซื้อติดตัวกลับได้

ห้องเย็บผ้า เห็นจักรยี่ห้อ Singer ที่ใช้เย็บ นึกถึงเมืองไทเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ไกด์บอกว่า มาที่ภูฎานให้นึกย้อนไปถึงเมืองไทยสมัยเมื่อ 50-60 ปีที่แล้วนะ

 

 

 

• Tashichho Dzong, Thimphu

  ตาชิโชซอง หรือ ทิมพูซอง แห่งภูฎาน…
  ตัวอาคารขนาดใหญ่ อยู่ริมแม่น้ำและเชิงเขา อาคารขนาดใหญ่นี้เป็นที่ทำการของรัฐบาล คณะกรรมการบริหารปกครองเมืองทิมพู

  ตาชิโชซอง เคยถูกไฟไหม้ใหญ่มาแล้วสองครั้ง และได้บูรณะใหม่ทุกครั้ง

  แอดมาถีงที่นี่ แต่ยังไม่ถึงเาลาเลิกงาน นักท่องเที่ยวยังเข้าไปชมในอาคารไม่ได้ เลยยืนรอด้านนอกกำแพงชมพิธีลดธงลงจากเสาและเลิกงานพอดี จึงจะเข้าชมในซองได้

  มีมุมสวยสวยๆด้านหน้าประตูทางเข้า อย่าช้า ถ่ายรูปสิคะ หากิจกรรมทำระหว่างรอเข้าชมภายใน

   

 

 

Day 2 

• Big Buddha (Buddha Dordenma statue), Thimphu

  ตรงจุดนี้ เป็นจุดชมวิวที่สวยมาก มองเห็นวิวตัวเมืองได้ชัดเจนยามฟ้าใส
  อย่าช้า….พวกเราชื่นชมความงามของทิวทัศน์แล้วมาต่อด้วยการสักการะพระพุทธรูปองค์ที่ใหญ่ที่สุด

  ไกด์พาพวกเรามาสักการะองค์หลวงพ่อสัจจธรรม พระพุทธรูปหล่อสำริดประทับนั่งกลางแจ้ง หรือ Big Buddha มีความสูง 51.50 เมตรต้นแบบมาจากพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ในสถูปพุทธคยา ประเทศอินเดีย และตั้งอยู่สูงที่สุดในโลก บริเวณนี้ยังเป็นจุดชมวิวที่สำคัญ่

  ความเป็นมาของพระพุทธรูปองค์โตนี้ มีเศรษฐีชาวสิงคโปร์บริจาคเงินซื้อที่ดินและสร้างพระพุทธรูปให้แก่รัฐบาลภูฎาน ไกด์บอกว่า มีชาวไทยมาเป็นวิศวะกรคุมงานก่อสร้างที่นี้ด้วยน้า

 

 

• Dochula Pass, from Thimpu to Punakha

อีกหนึ่งวันกับหนึ่งความงาม ## โดซูลาพาส ## เมืองพูนาคา ประเทศภูฎาน

โดซูล่าพาส อยู่ระหว่างเมืองทิมพูและพูนาคม ซึ่งมีสถูปแห่งชัยชนะ 108 องค์ บนเนินจะมีสถูปขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง และมีสถูปขนาดเล็กอยู่รายล้อม 108 องค์

การเดินทางมาเมืองพูนาคา ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง (จากเมืองทิมพูมาเมืองพูนาคา) นั่งรถมินิบัสที่มีแต่กลุ่มพวกเรา จำนวน 16 คน เดินทางตามเส้นทางคดเคี้ยวเลียบแนวทิวเขาและหุบเหวตลอดการเดินทาง ระหว่างทางวิวทิวทัศน์สวยงามมากค่ะ แต่นั่งรถนานๆ อะไรจะสุขใจเท่ากับการหลับ ดังนั้น แต่ละคนจึงพักสายตากันเป็นส่วนใหญ๋

 

• 

 

 

• Chimi Lhakhang, Punakha

  วันนี้่จะพาเดินเท้าขึ้นเนินไปยังวัดชิมิลาคัง เมืองพูนาคา ขอบอกว่า
  ที่นี่ลมพัดแรงมากถึงมากที่สุด หัวกระจุย ผมกระจาย แดดก็ร้อน แนะนำสาว สาว อย่างเรา หาผ้าโพกผม หรือ หมวก ใส่มาด้วย จะดีงามมากมาย

  ระหว่างทางมาวัดชิมิลาคัง จะผ่านทุ่งนา ทุ่งข้าวบาเล่ย์ สวยมาก และผ่านหมู่บ้านชาวภูฎาน รถมินิบัสจะจอดส่งเราที่หมู่บ้าน แล้วให้พวกเราเดินเท้าขึ้นมาเรื่อยๆตามทางเดิน เหนื่อยก็พักเป็นระยะ แต่เนินที่นี่ไม่สูงชัน เดินได้สบายๆ

  ออกกำลังด้วยการเดินเท้าขึ้นมาบนเนินกลางหุบเขาใช้เวลาครึ่งชั่วโมง
  เดินเล่นมาเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ถึง วัดนี้ชาวบ้านเชื่อว่า ใครมาขอบุตร ได้ทุกราย….

   

   

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

Day 3

• Punakha Dzong, Punakha

• 

 

 

 

• Traditional Bhutanese Costume

   

   

  

  OLYMPUS DIGITAL CAMERA

  

  OLYMPUS DIGITAL CAMERA

   

•  Paro Street, Paro

  ช้อปปิ้งพาโรสตรีท เมืองพาโร ประเทศภูฎาน
  …รายการช้อปปิ้งนี้ดีต่อใจ…
  พามาซื้อของฝากที่เมืองพาโร ย่านพาโรสตรีท

  มาเมืองนี้ มีร้านกาแฟสดหลายร้านหาซื้อกาแฟทานง่าย
  อุต๊ะ…เจอสุนัขจรจัด ตัวอ้วนๆ น่ารัก หลายตัว สุนัขที่นี่ถ้าเป็นสุนัขจรจัด รัฐบาลเค้าจับทำหมันทุกตัว และทุกตัวกินดีอยู่ดี ไม่มีสุนัขตัวผอมๆๆๆ ให้เห็นเลย

  ไกด์บอกไม่ให้อาหารกับสุนัข เพราะเค้าจะเคยชิน และสร้างนิสัยไม่ดีให้น้องหมา แค่เห็นเราทานขนมเค้าจะกรูกันมาขออาหารทานมั่ง แต่ละตัวจะนั่งเรียบร้อย ไม่มีท่าทีคุกคาม

  พามาช้อปปิ้ง แต่แอดพาคุยถึงแต่น้องหมา… กลับมาช้อปปิ้งกันดีกว่า

  ที่นี่มีเหล้าภูฎานและเบียร์ภูฎาน ทีสุดอร่อย และราคาถูกมว๊าก
  เค้าบอกให้ซื้อกลับไปได้เลย เพราะราคาที่นี่ถูกสุดสุด พวกเครื่องสำอางบำรุงผิว ที่นักท่องเที่ยวต้องซื้อกลับ มีลิปบาล์มยี่ห้อหิมารายัน Himalaya ตรงนี้เป็นแหล่งของฝาก รีบซื้อค่ะ ซื้อมาหลายคน คนละหลายแพค ราคาตกอันละ 15 บาทไทยเอง เห็นว่ามีขายที่เมืองไทยตกอันละ 100 บาทเชียว เค้าบอกว่าใช้ดีมากมาย

  ถ้าอยากได้เหล้าภูฎาน ต้องยี้ห้อ K5 ผลิดจากภูฎาน ของแท้แน่นอน แต่แนะนำให้ไปซื้อที่ Duty free ดีกว่า แล้วหิ้วขึ้นเครื่องไปโลด วันกลับพอไปถึงสนามบิน รีบเลยอย่าช้า เพราะของจะหมดไวมาก

   

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

   

Day 4 

• Taktsang Lhakhang “The Tiger’s Nest”, Paro

  เดินเขา ขึ้นเขา ไปวัดทักซัง หรือ Tiger ‘s nest

  หลังจากนั่งม้าปีนเขามาได้ครึ่งทาง ราว 5 กิโลเมตร
  ต่อไปเป็นการวัดใจ สำหรับสายปีนทุกคน ว่าไหวมั้ยกับการไต่เขาจากเขานี้ไปเขาอีกลูกที่สูงชัน มีขึ้นเขา แล้ววกลงในหุบเหว ขึ้น ๆ ลง ๆ ตลอดทางอีก 5 กิโลเมตรข้างหน้าที่ต้องเดินเท้ากับไม้ค้ำยันอีกอัน

  สู้สู้…ให้กำลังใจตัวเองแป๊บ ก่อนก้าวเดิน…

  การเดินเท้าต่ออีก 5 กิโลเมตร จะมีทางเดินเลียบหน้าผา ลงหุบเหว และปีนบันไดอีก 700 ขั้น ฟังดูแล้วเหนื่อย แต่ทุกคนสามารถเดินจนถึงเป้าหมาย เพราะแอดเดินไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พักเป็นระยะ เพราะเดินขึนเขานี่เหนื่อยมาก ต้องหยุดหายใจ แล้วค่อยเดินต่อเรื่อยๆ ช้า ๆ เดี๋ยวก็ถึงวัดทักซังเอง

  ขอเล่าวิธีลงจากหลังม้า แอดไม่ต้องทำไรเลย หนุ่มภูฎานเจ้าของม้า จะมาโอบรอบเอวของเรา เรียกว่า ประคองกอดแนบชิด แล้วยกตัวเราลงจากหลังม้า 555 นึกว่าเป็นแต่เราคนเดียว แอบปลื้ม มีหนุ่มมากอด เปล่าค่ะ ทุกคนถูกหนุ่มภูฎานจับลงจากหลังม้าด้วยวิธีนี้กันถ้วนหน้า คงเพราะเร็วดี ไม่เสียเวลา

  ระหว่างทางมีดอกกุหลาบพันปีให้เห็นตามทางขึ้นเขา สวยๆทั้งนั้น และมีมอสเกาะตามต้นไม้ กิ่งไม้ ให้มองเพลินๆ

  …ขี่ม้าขึ้นเขาไปวัดทักซัง หรือ Tiger ‘s nest…
  …สายปีน มาปีนเขาวัดใจกับแอดมินกัน…ด้วยการไต่เขาจากลูกหนึ่ง ไปเขาอีกลูกหนึ่ง

  ไปวัดทักซังที่อยู่บนยอดเขาสูงชัน เมืองพาโร ประเทศภูฎาน

  ระยะทางจากจุดเริ่มขี่ม้าถึงวัดทักซัง รวม 10 กิโลเมตร แอดจึงขอขี่ม้าเพื่อช่วยย่นระยะทางในการเดินเท้าบนหุบเขาระยะทาง 5 กิโลเมตร แล้วต้องเดินเท้าต่ออีก 5 กิโลเมตร เมื่อเดินขึ้นเขาเองต้องมีไม้เท้าช่วยค้ำยันระหว่างเดินทาง จึงต้องซื้อไม้เท้ากันทุกคน

  เมื่อขี่ม้าทุกคนก็ฝากไม้เท้าไว้กับเจ้าของม้าที่จะเดินขึ้นเขามาพร้อมกันเพราะเค้าต้องมาคุมม้าของตัวเองด้วย จะช่วยหิ้วไม้เท้าขึ้นมาให้เรา เจ้าของม้า 1 คน จะมีม้าที่ต้องดูแล 3 – 4 ตัว

  

   

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

   

• Landscape Bhutan

   

   

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

   

• People

## เก็บเกี่ยววัฒนธรรมการแต่งกายของคนภูฎาน ##

มาเที่ยวภูฎานทั้งที เก็บบรรยากาศ ความสวยงาม อลังการ ของสถานที
อีกหนึ่งอย่างที่ไม่ควรมองข้าม คือ การแต่งกายชุดประจำชาติของคนภูฎาน

 

 

• Flower

 

 

 

• Souvernir

พามาชมของขายบริเวณลานทางขึ้นเขาไปวัดทักซัง ภูฎาน

ตรงนี้มีแม่ค้าชาวภูฎานนำข้าวของมาวางขายเยอะมาก มีให้เลือกซื้อกันมากมาย

 

 

เก็บตก :

เด็กๆกำลังช่วยแม่ขายของในตลาด

เด็กๆที่นี่น่ารักมาก ไม่กลัวนักท่องเที่ยวเลย

 

 

ถ่ายรูปกับทีมนักดนตรีที่มาโชว์ฝีมือการเล่นดนตรีพื้นบ้านของภูฎานให้เราชม

หนุ่มภูฎาน พอจะสู้โอปป้าได้ไหมเนี่ย 55

ที่นี่ผู้ชายมีแฟนได้หลายคน

ไกด์ภูฎานที่นำกรุ๊ปเรา มีพยายามจะจีบเราเล็กน้อย อยากกลับไทยมาด้วยนะ อิๆ

 

สนามบินที่ภูฎาน มีความชิวสูงมาก พนง.นั่งจิ้มคอมทีละตัว เลยรู้สึกว่าเราใจร้อนไปเลย ทั้งๆที่ถ้าเทียบกับคนกทม. เราเป็นคนใจเย็นมากกก

ตม.ที่นี่มีสี่คน พักกลางวันปั๊ป ก็พักพร้อมกันสี่คน ตม.หายเรียบ ผู้โดยสารที่รอหน้าเคาเตอร์ก็ต้องรอตม.พักกินข้าวก่อน …slow life สุดๆเลยล่ะ

 

จากการได้มาเยือนประเทศนี้ เราชอบความสุขอันเรียบง่าย แม้ประเทศภูฎาน กับ ประเทศไทย จะมีเป้าหมาย ความพอเพียง และหลายๆอย่างที่คล้ายๆกัน แต่การดำเนินชีวิตโดยรวมกลับต่างกันมากจริงๆ ประเทศไทยเหมือนเราเลยจุดนั้นมาแล้ว เราไม่สามารถบอกได้ว่าแบบไหนดีหรือไม่ดี เพราะในความแตกต่างนั้นมีทั้งส่วนดีและไม่ดี

ประเทศภูฎาน เป็นประเทศที่ค่อนข้างปิด เราก็เลยรู้สึกเหมือนเราย้อนยุคกลับมาสู่อดีตหลายปีมาก ถ้าเทียบกับเมืองไทยคงเหมือนเราย้อนอดีตมา 40-50 ปี ที่แล้ว ให้ความรู้สึกเหมือนเรามา the lost world แบบ…เมืองกลางหุบเขาที่หายไประหว่างกาลเวลา ผู้คนแต่งกายด้วยชุดประจำชาติทั้งเมือง ซึ่งปัจจุบันคงไม่มีประเทศไหนทำแบบนี้แล้ว มันเป็นอะไรที่คลาสสิคมาก แล้วมันเรียลมาก เพราะเขาดำเนินชีวิตกันแบบนี้จริงๆ จนเรารู้สึกเราหลงยุคเข้ามา เรามาทำให้ภูฎานที่สงบเงียบแตกตื่นรึป่าว เพราะกรุ๊ปคนไทยที่มาเที่ยวครั้งนี้ค่อนข้างใหญ่มาก เหมาลำมาจากไทยเลยว่างั้นเถอะ และคนภูฎานก็น่ารักมากจริง เพราะทุกครั้งที่เขายิ้ม เขายิ้มมาจากใจจริงๆ

ใครที่อยากมาประเทศนี้ เราก็แนะนำให้ลองมาสักครั้งนะ ก่อนที่ภูฎานจะเปลี่ยนตามโลกปัจจุบันไปมากกว่านี้ จริงๆที่นี่ก็ตามเทคโนโลยีนะ มีหลายอย่างทันสมัย แต่การเปลี่ยนแปลงจะช้ากว่าโลกภายนอก เหมือนโลกที่ภูฎาน เป็นโลกที่สามารถเรียกได้ว่า slow life อย่างแท้จริง

 

 

---

Promote Your Page Too   Follow Me on Facebook for More Adventures

ติดตามการเดินทางของเราได้ที่ : https://www.facebook.com/journeyaddict/