[March 2018]
เวลาประมาณเกือบ 6 โมงเย็น
เราเรียกตุ๊กๆจากหน้าวัดพนม (Wat Phnom) ไปยัง อนุสาวรีย์ประกาศอิสรภาพ หรือที่คนเขมรเรียกว่า วิมานเอกราช (Independence Monument) เป็นอนุสาวรีย์ที่สำคัญแห่งหนึ่งในพนมเปญ สร้างในปี ค.ศ. 1958 เพื่อรำลึกถึงการประกาศเอกราชจากประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ. 1953 อนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างตามศิลปะขอม ตั้งอยู่กลางแยก บนถนนนโรดม-ถนนสีหนุ ตรงกลางถนนมีพื้นที่กว้างและยาวตลอดแนวถนน เหมือนเป็นสวนสาธารณะขนาดย่อมๆใจกลางเมือง ตอนเย็นๆก็จะมีชาวเขมรหลากหลายอายุ มาวิ่งรอบๆ เพื่อเป็นการออกกำลังกาย และนั่งเล่นเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ไม่ไกลจากอนุสาวรีย์ประกาศอิสรภาพนัก ยังมีอนุสาวรีย์พระนโรดมสีหนุ (Norodom Sihanouk Memorial) ตั้งอยู่ด้วย เราเดินเข้าไปดูใกล้ๆ เขียนว่า HIS MAJESTY PREAH BAT SAMDECH PREAH NORODOM SIHANOUK …คล้ายๆภาษาไทยเลยนะเนี่ย
เราเดินเล่นถ่ายรูป ดูวิถีชีวิตของชาวเมืองพนมเปญสักพัก ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณหกโมงเย็น ฟ้าเริ่มมืดแล้ว เราเรียกตุ๊กๆเพื่อกลับโรงแรม ครั้งนี้เป็นตุ๊กๆคันเล็ก ซึ่งเป็นแบบเดียวกับตุ๊กๆอินเดีย (คิดว่าน่าจะเป็นการนำเข้ามาจากอินเดีย) คนขับค่อนข้างงงๆกับทางไปโรงแรมของเรา แต่เราก็ตกลงขึ้นรถไป คนขับมีการขับแบบไม่ค่อยรู้ทาง ทำให้เราต้องช่วยบอกทางให้ตลอด รถในพนมเปญขับไม่ค่อยเร็วเท่าไร เนื่องจากถนนไม่ได้ใหญ่
แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ระหว่างทางกลับ ก่อนที่จะถึงโรงแรมไม่กี่นาที มีมอเตอร์ไซด์ซึ่งมีคนซ้อนท้ายอยู่ด้วย ขับมาขนาบข้างรถ คนที่ซ้อนท้ายใช้แรงกระชากแขนเพื่อนเราอย่างแรง และคว้าโทรศัพท์มือถือในมือ พร้อมของอื่นๆ ในมือของเพื่อนเราไปต่อหน้าต่อตา คนขับมอเตอร์ไซด์เร่งเครื่องขับหนีไปอย่างรวดเร็ว เพื่อนเราส่งเสียงร้องสุดเสียง เรากับเพื่อนช๊อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก เพื่อนเราทำอะไรไม่ถูกเลย เราเลยให้รถตุ๊กๆจอดเมื่อเห็นว่าเป็นเส้นทางที่ไม่ไกลจากโรงแรมและสามารถเดินกลับโรงแรมเองได้
เย็นวันนั้น เรานัดเพื่อนชาวกัมพูชากินข้าวเย็นด้วยพอดี คนนี้ชื่อ เรน เป็นคนที่ เราเคยเรียนรวมคลาสด้วยกันตอนที่เรียนอยู่ที่อเมริกา เราขอร้องให้ เรน ช่วยพาไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ ถึงไม่ได้โทรศัพท์คืนมา อย่างน้อยก็ขอเอาใบแจ้งความไปเคลมประกันก็ยังดี
ตอนแรก เรน บอกว่า การไปขอความช่วยเหลือกับตำรวจที่พนมเปญเป็นอะไรที่ซับซ้อน ถึงแม้บางทีคุณเป็นเจ้าทุกข์ บางทีตำรวจก็ยังเรียกร้องเงินจากคุณ OMG! แต่มาถึงขนาดนี้ ยังไงก็คงต้องลองดู เรนช่วยเราในการเป็นล่ามคุยกับตำรวจ ก่อนที่ตำรวจจะพาเราไปยังสถานที่เกิดเหตุเพื่อสอบถามพยานที่อยู่บริเวณนั้น แต่ก็เหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไร และคงจะยากมากที่จะได้โทรศัพท์คืนกลับ ตำรวจให้เราลงบันทึกประจำวันไว้
ตำรวจสงสัยที่ว่าคนขับตุ๊กๆอาจมีส่วนกับการโจรกรรมครั้งนี้ ทำให้เราฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะเป็นขบวนการ เราได้ถ่ายรูปรถตุ๊กๆที่เรานั่งมาด้วย (ป้ายทะเบียน 1M – 7398) แจ้งกับตำรวจไป
เพื่อนเราคงไม่ได้โทรศัพท์คืน แต่นี่คงเป็นบทเรียนสำคัญที่ เราทั้งสองจะต้องระมัดระวังทรัพย์สินให้มากกว่านี้ หลายคนอาจจะบอกว่า เป็นเพราะประเทศน่ากลัวอนตรายเลยโดน อยากจะบอกว่า ตอนไปเที่ยวปารีส เพื่อนเราก็เคยโดนกรีดกระเป๋าจ้า… ดังนั้นโจรมีได้ทุกที่จริงๆ ไม่ว่าประเทศจะศิวิไลซ์แค่ไหน ขอให้ทุกคนระมัดระวังไว้ด้วยเช่นกัน …รวมทั้งตัวเราและเพื่อนด้วย เฮ้ออออ เซ็งงงง
จบจากภาระกิจที่สถานีตำรวจ แม้จิตใจพวกเราจะบอบช้ำจากการโดนชิงทรัพย์ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงพนมเปญ แต่ The Show Must Go On จะให้กลับบ้านตอนนี้ก็คงไม่ได้สินะ เพราะขากลับเราต้องไปขึ้นเครื่องที่โฮจิมินห์จ้า คิดไปแล้ว…หนทางยังอีกยาวไกลจัง นี่เพิ่งวันแรก วันต่อไปจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้…หึๆ
เรนพาเรากับเพื่อนไปกินข้าวที่ร้านอาหารริมทางแห่งหนึ่ง ซึ่งอร่อยกว่าหน้าตาร้านที่คาดไว้ เพราะร้านดูจะเป็นเพิงหมาแหงน และด้วยความที่ คนที่นี่เขาจะชอบเทเศษอาหาร ทิ้งกระดาษทิชชู่ไว้ที่พื้นขณะกินอาหาร ทำให้เศษขยะเกลื้อนพื้นไปหมด ร้านอาหารที่นี่เลยจะดูเละเทะหน่อย แต่รสชาติอาหารโอเคมาก รสชาติถูกปากคนไทย และราคาไม่แพงเลย ถึงแม้ร้านจะดูพื้นๆแต่ก็เรียกเก็บเงินเป็นดอลล่าร์ ส่วนใหญ่ที่นี่จะใช้เงินดอลล่าร์หมด เรนบอกว่า คนที่นี่ต้องพกเงินทั้งสองสกุลเลย ทั้งเงินดอลล่าร์ และเงินเรียล
กินคาวไม่กินหวาน สันดานไพร่…ใครคิดประโยคนี้ขึ้นมานะ ว่าแล้วกระเพาะของหวานของเราก็เริ่มหิวอีก ทั้งๆที่ก็กินข้าวไปเยอะมาก เราขอให้เรนพาเราไปร้านขนมหวานหน่อย เรนก็ใจดีพาเราไป อิๆ ร้านขนมที่เรนพาไปเป็นร้านริมทางที่มีคนมานั่งกินกันเยอะพอสมควร ขนมหลายชนิดก็คล้ายขนมไทย
เพื่อนเราสั่งรวมมิตรมา ส่วนเราสั่ง…อะไรว้า…อ่อ…Ban jea neouk ลักษณะเป็นก้อนแป้งกลมสีขาว ข้างในมีไส้ถั่ว รสชาติเหมือนไส้ขนมเทียน แต่อยู่ในน้ำกะทิโรยงา ที่พอกินแล้ว ทำให้นึกถึงของขนมถั่วแปป ขอเรียกเองว่า…บัวลอยถั่วแปป เราเหลือบไปเห็นคนกินสังขยาฟักทอง แต่ความแปลก คือ เขากินสังขยาฟักทองในน้ำกะทิจ้า
วันนั้น ถ้าไม่ได้ เรน มาช่วยไว้ เราคงรู้สึกแย่กับเหตุการณ์ที่พนมเปญไปมากกว่านี้ แน่ๆ
วันต่อมาเพื่อนเราเป็นรอยฟกช้ำที่แขน เขียวเป็นแถบๆเลย เพราะโจรกระชากแขนไปแรงมากๆ
ใครไปเที่ยวก็ระวังกันด้วยจ้าา
(ท้ายที่สุด…หลักฐานบันทึกประจำวันที่ขอตำรวจมาก็เอาไปยื่นเคลมกับประกันได้
ถึงไม่ได้คืนทั้งหมด ได้ชดเชยบางส่วนก็ยังดี)