Narcissistic Personality Disorder (NPD) โรคหลงตัวเอง…มาดูกันว่าคุณเป็นเหยื่อนาซิซิสอยู่หรือป่าว?

ที่เขียนบทความนี้ขึ้นเพราะว่า เห็นหลายๆบทความ จะชอบเขียนแนวว่า…มาเช็คกันหน่อยว่า คุณเป็นโรคหลงตัวเองรึป่าว? มีข้อไหนบ้างตรงกับคุณ คุณอาจจะเป็นนาซิซิสนะ

เอาจริงๆนะ คนที่เขาเป็นนาซิซิสอ่ะ เขาไม่มาอ่านบทความเหล่านี้หรอก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นนาซิซิส ความรู้สึกของเขาคือ เขาปกติดีทุกอย่าง คนอื่นสิผิดปกติ

ด้วยความที่สนใจทางด้านจิตวิทยาอยู่แล้ว มีประสบพบเจอเองบ้าง อ่านจากในหนังสือบ้าง ดูจากในยูทูบบ้าง ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญถึงขั้นเป็นนักจิตวิทยา คิดซะว่าเป็นการนำเอามาแชร์ หรือ สรุปจากสื่อต่างๆที่เคยได้อ่านมาก็แล้วกันนะคะ ถ้ามีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ และก็สามารถแนะนำได้


โรคหลงตัวเอง หรือ Narcissistic Personality Disorder (NPD) เป็นความผิดปกติทางบุคลิกภาพชนิดหนึ่ง ที่มีการควบคุมหรือครอบงำความรู้สึกนึกคิดและการกระทำของผู้อื่น (Manipulation & control) ต้องการให้ผู้อื่นชื่นชม (Need for attention & admiration) ขาดความเห็นอกเห็นใจ (Lack of empathy)

ตอนนี้หลายๆอาจจะเริ่มงงๆแล้วว่า หลายๆอย่างนี้ มันมารวมกันอยู่ในคนๆเดียวกันได้ ขนาดนั้นเลยหรอ…ใช่ มันขนาดนั้นเลยล่ะ และมันวนเป็นลูปอย่างเป็นระบบด้วย ซึ่งจะเล่าให้ฟังในลำดับถัดไป

โรคนี้เป็น 1 ใน personality disorder ที่มีอยู่ 10 types โรคนี้อยู่ใน Cluster B ซึ่งทั้งหมดมี 3 Clusters คือ Cluster A / Cluster B และ Cluster C จะยังไม่ขอพูดถึง type อื่นๆ


รู้ไหมว่า…ทำไมมีบางคนถึงไม่รู้ตัวว่าถูกนาซิซิสจัดหนักอยู่ นั้นเพราะว่า…

  1. นาซิซิสมี Cycle ในการแสดงพฤติกรรม abuse ออกมา (The Cycle of Narcissistic Abuse) คุณจะเริ่มตระหนักได้ว่า ถูกจัดหนักอยู่ เมื่อคุณเริ่มเห็น Loop pattern นี้ แต่ถ้าคุณไม่เห็น…คุณก็จะวนลูปไปจ้า
    • 1) วาดฝันความสวยงาม เหยื่อถูกล่อลวงด้วยคำพูดแสนหวานและสวยหรูอาบน้ำเชื่อมผสมยาพิษ ให้เชื่อว่าคนดี สิ่งดีๆ อยู่ตรงนี้ อยู่กับนาซิซิสมีแต่สิ่งดีๆ เขาคือผู้ปกป้องภัยต่างๆ เรามาร่วมมือกันเถอะ บางครั้งก็ใช้เทคนิค Love-bombing ให้นู้นให้นี่ มีสิ่งดีๆมานำเสนอ อะไรประมาณนี้ ถ้าเป็นภาษาอังกฤษ ก็กล่าวได้ว่านี่คือ Stage of Idealization
    • 2) ถูกลดทอนคุณค่า/ด้อยค่า หรือ Devaluation แบบงงๆ ไม่ว่าจะเป็น คำพูด, การ texting, การ chat, email, การโทร ฯลฯ ทุกสิ่งอย่างจะเริ่มถาโถม มาลดทอนความเก่งที่คุณมี ความเป็นคนดีที่คุณเป็น วิพากษ์วิจารณ์ (Criticism) สิ่งที่คุณทำ สิ่งที่คุณเป็น ในทุกๆเรื่องสามารถนำมาวิพากษ์วิจารณ์ได้ทั้งหมด แบบอิหยังว่ะ มีการใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การปั่น (Gaslighting), การจัดฉากขึ้นมา , การแปลงสาร, ยกบุคคลที่สามขึ้นมา (Triangulation) ฯลฯ ไปกระทั่งถึงการจับผิด เปรียบเทียบ และปล่อยข่าวของเหยื่อในทางเสียๆหายๆ เพื่อกดคนอื่นให้ต่ำลงกว่าตัวเอง โดยส่วนใหญ่จะใช้เป็นคำพูดในเชิงลบ (Chronic negativity) นาซิซิสบางคนสามารถจัดการอารมณ์ได้ดีมาก ได้ดีกว่าเหยื่อเองซะอีก แต่เขาจะจ้องเล่นงานตอนเหยื่อแสดงอารมณ์ออกมา แล้วกล่าวโทษในเชิงลบว่าเหยื่อใช้อารมณ์รุนแรง เป็นการตลบหลังที่แยบยลมาก ความชำนาญนี้ เกิดจากที่นาซิซิสสั่งสมเทคนิคเหล่านี้มานาน จนใช้ความสามารถเหล่านี้ได้โดยอัตโนมัติ และไม่รู้สึกผิดอะไรเลยสักนิดเดียว เนื่องจากแกนหลักของนาซิซิสคือ การขาดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
    • 3) ตัดหางปล่อยวัด หรือ Discard ในขั้นนี้ คุณอาจจะรู้สึกมีหลายอารมณ์ ถ้าคุณพึ่งพานาซิซิสอยู่ ไม่ว่าจะในเรื่องของการเงิน การทำงาน ความรัก คุณอาจจะรู้สึกเคว้งคว้าง ถ้าคุณตระหนักดีๆ คุณจะรู้สึกได้ว่าที่คุณเคว้งนั้น เพราะคุณได้กลายเป็นทาสในเรือนเบี้ยของนาซิซิสเรียบร้อยแล้ว คุณพึ่งพาบ้านเขาอยู่, คุณอยู่ได้ด้วยสถานะทางการงานของเขา, คุณยังเด็กไม่สามารถหาเงินได้ด้วยตัวเองแล้วคุณจะทำอย่างไรต่อไป นี่อาจเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้น หรือ ถ้าคุณ strong พอ คุณจะลัลลา เออ…ดีล่ะ เลิกมายุ่งกับฉันสักที ฉันจะเป็นบร้า ดีใจที่เขาตัดหางคุณปล่อยวัด (Ghosting) แต่คุณก็จะดีใจได้ไม่นาน เพราะเขาก็จะกลับมาป้วนเปี้ยนกับคุณอีกอยู่ดี ถ้าเขาต้องการผลประโยชน์จากคุณ บางครั้งนาซิซิสจะพยายามแยกเหยื่อให้ออกจากกลุ่มที่จะมีคนมาช่วยได้ (Isolation) ไม่ว่าะเป็นเพื่อน คนในครอบครัว เพื่อนที่ทำงาน ฯลฯ โดยใช้เทคนิคแตกต่างกันไป
    • 4) รักนะจ๊ะคนดี มีสิ่งดีๆมานำเสนอ OMG เขาจะเริ่มวนกลับมาหาคุณอีกครั้งด้วยท่าทีแปลกใหม่ ใน Stage of Re-engagement เขาอาจจะมาขอโทษคุณ ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาสำนึกผิดแล้ว บางทีก็แปลงตัวเองไปเป็นเหยื่อซะงั้น (Playing the victim) มีข้อเสนออะไรบางอย่างมาให้ ซึ่งบางทีเขาก็สามารถใช้เทคนิค Love-bombing ได้เช่นกัน โปรโมทตำแหน่งใหม่ไปเลยจ้า อยากได้เงินเท่าไรเอาไปก่อนเลย รักกันมากก็สวมแหวนหมั้นแต่งกันไปเลยซิจ๊ะ (แต่…แกต้องเป็นทาสฉันตลอดไป)
    • ถ้าคุณผ่าน step นี้ไปไม่ได้ ไปวนลูปใหม่ได้เลยจ้า อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.narcissisticabuserehab.com/cycle-of-narcissistic-abuse/

2. นาซิซิสมีเทคนิค Gaslighting (ปั่น) โดยที่เหยื่อนั้นอาจจะรู้ตัว (แต่ยอมตามน้ำแบบหลีกเลี่ยงไม่ คือถ้าไม่ยอมตาม ก็จะโดนจัดหนัก) และมีทั้งเหยื่อที่ไม่รู้ตัว (คิดว่าใครมันจะร้ายขนาดนั้น ส่วนใหญ่เคสนี้ที่เห็น มักเกิดกับคนที่เกิดในครอบครัวที่อบอุ่น คือ เขาไม่เคยเจองูพิษไง)

แล้ว Gaslighting คือ อะไร?

Gaslighting มาจากหนังเก่าเรื่องหนึ่ง คือเมื่อก่อนเขาก็จะใช้ตะเกียงไฟจุด เพื่อเป็นไฟส่องสว่างกัน เหตุการณ์ในหนังช่วงหนึ่งคือ สามีต้องการทำให้ภรรยาตัวเองสับสนและคิดว่าตัวเองเป็นบ้า เพราะอยากจะฮุบสมบัติ สามีน่าจะมีหลายวิธีการในหนังเรื่องนี้ แต่วิธีการหนึ่งในนั้นคือ สามีหรี่ไฟตะเกียงให้กระพริบ ภรรยาสงสัยว่าทำไมไฟกระพริบ สว่างบ้าง มืดบ้าง เลยถามสามีกลับไป แต่สามีกลับบอกว่า ไม่เห็นมีอะไรนิ ไฟก็สว่างปกติดี ภรรยาน่ะ คิดไปเอง เธอนี่ชักจะบ้าล่ะนะ อาการหนักแล้วนะเนี่ย…ทั้งๆที่ตัวสามี เป็นคนหรี่และกระพริบไฟนั้นเอง!!

คิดว่าจากตัวอย่างนี้ทุกคนเริ่ม get กับ อาการถูกปั่นหัว ด้วยการกระทำ หรือ คำพูด แล้ว ไม่ว่าจะเป็น การบิดเบือนเรื่องราว / สร้างเรื่องบางอย่างขึ้นมา / ไม่ยอมรับความจริงว่าพูดอะไรออกไป ทำเป็นเหมือนไม่ได้พูด / ลดทอนความสำคัญของเรื่องที่ตัวเองทำ อย่างมีเลสนัย / กล่าวหาว่าอีกฝ่ายว่าเป็นคนผิด ทั้งๆที่ไม่ได้ผิด (Blame-shifting) ซึ่งนี่อาจกล่าวได้ว่าเป็นเทคนิคหลักเทคนิคหนึ่งของนาซิซิสเลยทีเดียว ใครอยากรู้จักเทคนิคของนาซิซิสเพิ่มเติมลองอ่านเพิ่มได้ที่

https://missiontothemoon.co/psychology-gaslighting-2/

https://www.istrong.co/single-post/narcissistic-personality-disorder


3. นาซิซิสมีลูกสมุน หรือ Flying Monkeys (Winged Monkeys) ในบทความต่างประเทศ กล่าวว่า การที่นาซิซิสคนนั้นมีลูกสมุนในสังกัด ถือได้ว่า เป็นตัวท๊อปของวงการนาซิซิส (Highly narcissistic person) คือ คนนั้นก้าวขาข้างหนึ่งไปอยู่ใน personality disorder แล้ว เพราะจริงๆ มีหลายๆคนอาจจะเป็นนาซิซิส แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะเป็น Narcissistic Personality Disorder คือยังไม่หนักถึงขั้นเป็น disorder

ว่าแต่…แล้ว Flying Monkeys คืออะไร?

Flying Monkeys คำนี้มาจากหนังเรื่อง The Wizard of Oz ซึ่งฉันก็ยังไม่เคยดูเต็มเรื่องอ่ะนะ (เคยดูแต่ Alice in Wonderland ซึ่งเรื่องนี้ Alice นางก็จิตหลอนอยู่นะ Hallucination มาก) เขาบอกว่าในเรื่อง The Wizard of Oz จะมีแม่มด/พ่อมดนี่ล่ะ ที่สะกดมนต์ให้ลิงมาเป็นลูกสมุน ช่วยงานต่างๆ

สมุนมี 2 แบบ ที่วนเวียนอยู่รอบๆนาซิซิส เป็นดั่งผู้สนองความต้องการแก่นาซิซิส (Narcissistic supply) นี่อาจจะทำให้คุณสังเกตุคนเป็นนาซิซิสได้ง่ายขึ้น เพราะมันจะชัดเจนมากก ถึงขั้นเอามือมาทาบอก ขอให้คุณลองนึกดีๆ คุณอาจจะมองเห็นสมุนเหล่านี้ของนาซิซิส

  • สมุนฝั่งดี (The benevolent enabler) – ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่โอนอ่อนต่อการถูกควบคุม พวก Empath ทั้งหลายที่ดูดซับความรู้สึกผู้อื่นได้ง่าย คนที่อ่อนไหวง่าย คนซอฟๆอ่ะ ในทางสังคมวิทยา กล่าวว่า คนเหล่านี้จะ suffer จากการต้องคอยเอาอกเอาใจนาซิซิส บ่อยครั้งที่จะถูกนำไปจัดอยู่ในฉากที่นาซิซิสสร้างไว้ (Narcissistic person’s campaign) ภาษาอังกฤษเขาใช้คำว่า แคมเปญ เลยนะ นาซิซิสจัดฉากกันเบอร์นั้นอ่ะ บางครั้งต้องเอาอกเอาใจนาซิซิสจนถึงขั้นทำร้ายใจผู้อื่นก็มี เพราะไม่มีทางออกอื่น ต้องพูดเอาใจนาซิซิส ไม่งั้นตัวเองก็อยู่ไม่รอด มีแนวโน้มเป็นซึมเศร้า (Depression) ได้ ไม่ต่างกับเหยื่อของนาซิซิสเลยทีเดียว
  • สมุนฝั่งร้าย (The malevolent enabler) – นาซิซิสตัวท๊อป ได้ทำการคัดเลือก จนในที่สุด ก็เจอลูกสมุนฝั่งร้าย ที่เป็นเหมือน เมล็ดพันธุ์ (Seed) ที่กำลังเติบโต เป็น Baby narcissist น้อยๆ เพราะมี attitude เดียวกัน มีแนวโน้มที่จะเติบโตไปเป็นนาซิซิสขั้นสูงในอนาคตได้ ถ้าไม่ได้รับการเข้าถึงทางจิตใจอย่างทันท่วงที ในบทความภาษาอังกฤษถึงกับใช้คำว่า morally bankrupt (ความล้มละลายทางศีลธรรม) สมุนนี้มักจะถูกจัดอยู่ในฉากหรือแคมเปญที่นาซิซิสสร้างขึ้นมาเช่นกัน แต่จะเป็นตัวชง/ตัวปิด/ตัวเปิด เป็นไม้เป็นมือให้นาซิซิส เพื่อให้เหยื่อ ดูแย่ลงไปอีก นั่นก็เป็นสิ่งที่นาซิซิสต้องการมิใช่หรือ…ใช่แล้วครับนายท่าน อะไรประมาณนี้

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์นี้ https://www.narcissisticabuserehab.com/category/narcissistic-abuse/


แล้วเราจะแก้ปัญหาการเป็นเหยื่อของนาซิซิสได้อย่างไร?

ปัญหาของเหยื่อนาซิซิส คือ เมื่อเริ่มเจอสถานการณ์น่าปวดหัวนี้บ่อยๆ อาการวิตกกังวล (Anxiety) / อาการซึมเศร้า (Depression) หรือ อาการทางร่างกาย (Physical symptoms) เช่น นอนไม่หลับ กระวนกระวาย กระสับกระส่าย ปวดหัว จะเริ่มคืบคลานเข้ามา การเผชิญหน้า ปะ ฉะ ดะ โดยตรงกับนาซิซิส ไม่ใช่สิ่งที่ดี เปรียบเสมือนการเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ เขาสะสมความชำนาญในการกระทำแบบนี้มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่วัยเด็ก ยากมากๆที่เหยื่อที่ใสซื่อ จะเอาชนะได้ คำแนะนำคือ

  1. พัฒนาทักษะทางอารมณ์ (Emotional intelligence) – แก้ที่คนอื่นยาก แก้ที่ตัวเองไปพลางๆก่อน อันนี้ก็สามารถทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ เหมือนเราเปลี่ยนเลนแว่นตาสีใหม่ มองโลกสีใหม่ ถึงแม้ว่า…มันก็คือโลกเดิมอ่ะนะ
  2. กำหนดขอบเขต (Set boundaries) – ขีดดดดดดเส้น เอ๊ะ คำนี้คุ้นๆ 55 เอาเป็นว่า การมีขอบเขตที่ชัดเจน ทำให้คุณใช้ชีวิตกับนาซิซิสได้ดีขึ้น คือ อาจจะไม่ได้ดีมาก แต่ก็ไม่เป็นบ้าไปซะก่อน
  3. ถอยออกมา (Disengagement) – อันนี้อาจจะยากสักหน่อย เพราะหลายๆคนอาจจะมีนาซิซิสเป็นคู่รัก เป็นคนในครอบครัว เป็นหัวหน้างาน อันนี้ก็ต้องลองปรับใช้กันดู
  4. เผชิญหน้าด้วยท่าทีที่เป็นบวก (Positive assertiveness) – ก็ไม่ใช่จะบวกแบบน้านนน อันนี้ก็คือ ไม่แสดงอารมณ์ทางลบใส่นาซิซิส ทำสีหน้าแบบไม่แสดงอารมณ์ใดๆก็ได้นะ เรียบเฉย สุขุม ลุ่มลึก ถ้าคุณไปปี๊ดใส่ ด้วยอารมณ์แรงมาแรงกลับไม่โกง เรื่องมันจะยาว และหนักกว่าเดิม คุณอาจจะเจอการก่อกวนแบบไม่ได้นอนเลยล่ะ
  5. หาคนสนับสนุน (Seeking support) – อันนี้ก็พอช่วยได้บ้าง เป็นที่ระบายต่างๆ แต่น้อยนักที่จะช่วยได้เต็มๆ เพราะนาซิซิสส่วนใหญ่มักวางเครือข่ายไปทั่วแล้ว

อีกวิธีที่เขาแนะนำกัน ถ้านึกอะไรไม่ออกให้จำไว้ว่า “Stop Talking & Deny”


แล้วนาซิซิสก่อตัวขึ้นมาได้อย่างไรกัน?

หลายๆบทความบอกว่า เกิดได้จาก ทั้งการเลี้ยงดู สิ่งแวดล้อม ฯลฯ มากมายหลายสาเหตุ ในยูทูบตปท.ที่เคยฟังมา เขาบอกเลยว่า cool kids ส่วนใหญ่ ก็มีแนวโน้มเป็นนาซิซิส


แล้วผลกระทบที่เหยื่อ (Victim) ได้รับล่ะ?

ศัพท์สำหรับเหยื่อที่รอดจากนาซิซิสมาได้ เขาจะเรียกในภาษาอังกฤษว่า Narcissistic survivor ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีบาดแผลในใจมากน้อยต่างกันไป เพราะคนทำไม่เคยจำ คนฟังไม่เคยลืม ถ้าหนักๆก็อาจจะเป็นถึง PTSD หรือ Post-traumatic stress disorder ได้


ก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย หรือ อาจจะไม่เป็นประโยชน์เลย แบบ…เขียนอะไรมาเนี่ยย 55 ก็แนะนำ ติชมกันได้ค่า

Leave a comment