อินเดียเพลียๆ – นิวเดลี ร้อยเล่ห์กลคนอินเดีย ตอนที่ 2 (India Part2)

Capture_part2

[India, May2011]

 

Journeyaddict_in Africa

วันที่ 1 – นิวเดลี

เมื่อถึงวันเดินทาง เราเดินทางไปถึงสุวรรณภูมิ จัดการ Check in แล้วโหลดกระเป๋าใหญ่ ส่วนใครมีกระเป๋าเล็กที่จะเอาขึ้นเครื่องไปด้วย อย่าลืมนำของเหลว,ของมีคม ออกมาใส่ในกระเป๋าใหญ่ที่จุด Check in (เคยวิ่งขึ้นเครื่อง เพราะลืมมีดพับ victorinox ของแท้ไว้ในกระเป๋าเล็ก จะทิ้งเลยก็เสียดาย ต้องวิ่งลงมาฝากไว้ เกือบจะตกเครื่อง!)

สำหรับกระเป๋าใบเล็กที่ติดตัวไป ควรมีเสื้อผ้าสำรองสัก 1 ชุด เผื่อในกรณีกระเป๋าสูญหาย หรือ หลงไปกับไฟลท์อื่น จะได้มีเสื้อผ้าใส่ระหว่างรอกระเป๋า เมื่อโหลดกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย ต้องผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้า-ออก (ตม.) เพื่อตรวจสอบ passport, visa  ณ จุดนี้ต้องทิ้งขวดน้ำที่พกมาด้วย ระหว่าง check-in ที่ counter มีชาวอินเดียหลายคนที่รอ check-in ไฟลท์เดียวกัน เดินทางไปนิวเดลี (New Delhi) ต่างขนทีวีจอใหญ่กลับบ้าน (เอิ่ม….ที่อินเดียทีวีแพงหรอ? ใครรู้บ้างเมล์มาบอกที)

 

สำหรับคนที่ไปถึงเร็วสามารถใช้เวลาก่อนขึ้นเครื่องเดินเล่นที่ duty free ได้ แต่อย่าลืมเดินเล่นเพลิน เดี๋ยวตกเครื่อง ควรไปนั่งรอที่ Gate ก่อนเวลาเครื่องออกประมาณ 30 นาที สำหรับคนที่มาก่อนเวลาเครื่องออก หรือ รอต่อเครื่อง (transit) เป็นเวลานานที่สุวรรณภูมิ ขอแนะนำ Lounge ของ King Power มีข้าวต้ม ขนม น้ำ ให้รับประทาน และที่นั่งสำหรับพักผ่อน ก็ถือว่าคุ้มค่าทีเดียว สำหรับผู้ที่ต้องรอขึ้นเครื่องเป็นเวลานานๆ (รายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.kingpower.com/en/membership/membercard)

IN01

พอขึ้นเครื่องปั๊ป เราตีตั๋วนอนทันทีตั้งแต่สุวรรณภูมิจนถึงสนามบินนานาชาติอินทิรา คานที (Indira Gandhi International Airport) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม.กว่าๆ มาถึงอินเดีย เกือบเที่ยงคืนเวลาไทย แต่เนื่องจากเวลาที่นี่ช้ากว่า 1.30 ชม. ก็ต้องปรับเวลามาประมาณ 4 ทุ่มครึ่งเวลาอินเดีย ทำให้รู้สึกมีเวลาเพิ่มขึ้นอีกนิดหนึ่งในการเดินทางเข้าเมือง

(สำหรับผู้มาเที่ยวอินเดีย แล้วต้องมาไฟลท์ดึก แนะนำให้มีคนมารับที่สนามบินจะดีกว่า)

 

เราผ่านด่านทั้งหมดมาเสร็จ ยืนอยู่หน้าสนามบินแบบเอ๋อๆเล็กน้อย เออ…รถไฟฟ้าก็ไม่ทัน ปิดไปแล้ว เข้าเมืองอย่างไรดี จะขึ้นรถเมล์เข้าเมืองหรือ taxi prepaid ดี เห็นเขาบอกว่า taxi ชอบพาวน ลองขึ้นรถเมล์ดูแล้วกัน พอดีมีรถบัสปรับอากาศจอดอยู่  มีไฟวิ่งข้างรถว่าผ่านสถานีรถไฟนิวเดลี (New Delhi Train Station) ซึ่งโรงแรมที่จองไว้อยู่ใกล้ๆแถวนั้น  พอขึ้นไปบนรถมีแต่คนอินเดียล้วน ไม่มีคนต่างชาติเลย สอบถามกับคนเก็บเงิน ปรากฏเขาไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ พอดีมีผู้โดยสารคนหนึ่งสื่อสารภาษาอังกฤษได้ จึงมาช่วยเป็นล่ามให้ (ทำให้รู้ว่าไม่ใช่ทุกคนในอินเดียจะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้)

IN02

ภายในรถบัสจากสนามบินเข้าเมือง

 

พอรถออกจากสนามบินเข้าเมืองเท่านั้นแหละ มองออกไปข้างทาง โอ้โห! เริ่มเครียด นี่เมืองหลวงจริงหรอ ทำไมข้างทางมันน่ากลัวอย่างนี้ล่ะ บางจุดที่ผ่าน อารมณ์เหมือนเพิ่งมีสงครามกลางเมืองเกิดขึ้น อาจจะเป็นเพราะดึกแล้วด้วย แล้วที่นี่ไม่ค่อยมีไฟข้างทางมากนัก

 

พอลงจากรถบัส มีรถตุ๊กๆ เข้ามาถามว่าให้ไปส่งที่โรงแรมไหม ที่จริงโรงแรมจากในแผนที่ก็พอเดินได้ ไม่ไกล แต่สภาพนิวเดลียามค่ำคืนนี่ เดินไม่ได้แน่นอน เป็นเมืองที่มีไฟถนนน้อยมาก แล้วเรายังไม่คุ้นทาง กลัวเดินไปไม่เจอโรงแรม เดี๋ยวจะมึนหนัก ตุ๊กๆบอกราคามา…สมเหตุสมผล เพราะในแผนที่ไม่ไกล พอขึ้นปุ๊ป คนขับขับๆไป แล้วถามเราว่า จองโรงแรมไว้หรือยัง

เราบอกว่า..จองแล้วทางอินเตอร์เนต  คนขับตุ๊กๆบอกว่า …รู้ไหมว่าโรงแรมนั้นนะมันปิดแล้วนะ นี่มันดึกแล้ว มันปิดหลัง 5 ทุ่ม เราก็งง เถียงกับตุ๊กๆ (เฮ้ย!) …ไม่ปิดหรอก ลองไปก่อนได้ไหม อยากไปคุยกับที่โรงแรมก่อน ถึงแม้มันจะปิดก็ไม่เป็นไร เราอยากจะคุยกับ reception โรงแรม

คนขับตุ๊กๆขับไปสักพัก แวะข้างทางที่เป็นทางเลี้ยวเข้าไปได้ซึ่งมีผู้ชายยืนอยู่คนหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นก็ทำท่าแบบทางนี้ปิดแล้วผ่านไม่ได้ โบกมือ ส่ายหัว คนขับตุ๊กๆหันมาคุยกับเราพร้อมกับบอกว่า…. เห็นไหม ทางมันปิดแล้ว คุณไปโรงแรมนี้ไม่ได้หรอก มันเหมือนเป็น curfew อ่ะ เอางี้ไหม เดี๋ยวจะพาไปคุยกับ tourist center เขาอาจจะช่วยคุณได้

 

ว่าแล้วคนขับก็ขับพาวนไปวนมา จนเราเริ่มงง ไม่รู้อยู่ตรงไหนในนิวเดลี ซึ่งในนิวเดลีจับเส้นทางยากมาก เพราะมันแทบจะไม่มีป้ายถนนหรือป้ายซอยใดๆเลย พอไปถึง tourist center ซึ่งน่าจะเรียกว่า travel agency มากกว่า  ก็พอรู้แหละว่ามันต้องมีอะไรชอบมาพากลแน่ เพราะเคยอ่านเจอการหลอกประมาณนี้ในหนังสือท่องเที่ยวอยู่เหมือนกัน

มาถึง tourist center เราก็เดินเข้าไป ในสำนักงานมีชาวญี่ปุ่น 2 คน กำลังนั่งคุยอยู่กับพนักงานที่นั่นอยู่ เราได้ทักทายกับชาวญี่ปุ่นประมาณ 2 ประโยค (ตอนหลังเราได้เจอกับ 2 คนนี้ที่เมืองอัคราด้วย)

คนขับดึงเรามาคุยกับพนักงานอีกโต๊ะ พนักงานคนนั้นขอดูใบจองของโรงแรมที่เราจอง คนขับตุ๊กๆเสนอว่า งั้นเดี๋ยวจะโทรศัพท์ไปที่โรงแรมให้เอาไหม เพื่อ Confirm ว่ามันปิดแล้วจริงๆ คนขับทำการกดเบอร์โรงแรมที่เราจองไว้บนโทรศัพท์มือถือ แล้วยื่นโทรศัพท์มาให้เราดูเบอร์ว่าเป็นเบอร์โรงแรมจริงๆ พอมีคนรับสาย ก็ยื่นโทรศัพท์มาให้เราคุย ในสายเป็นเสียงผู้ชาย เราคุยว่าเราจองโรงแรมคุณไว้  เราสามารถไปตอนนี้ได้ไหม ปรากฎผู้ชายในสายตอบกลับมาว่า …โรงแรมเราปิดแล้ว คุณต้องมาพรุ่งนี้เท่านั้น เรายังยืนยันว่างั้นขอไปที่โรงแรมคุณก่อนได้ไหม เราอยากคุยกับ reception ก่อน ในสายก็ยืนยันว่าไม่ได้หรอก ปิดแล้ว ต้องมาพรุ่งนี้เท่านั้น

เราก็แบบ…เออทำไงดีว่ะเนี่ยยย ไปไม่ถูกเลย (คาดว่ามันล๊อคเบอร์ไว้แล้ว กดเบอร์ไหนก็เข้าไปที่สายนั้น) เลยบอกพนักงานที่นั่นว่า งั้นขอนอนที่นี่เลยได้ไหม ที่สำนักงานนี่แหละ เพราะแป๊ปเดียวก็เช้าแล้ว ไม่อยากหาโรงแรมแล้ว นอนไม่กี่ชม. ตอนเช้ามีแผนที่จะขึ้นรถไฟไปอัครา (Agra) ตอนประมาณ 6 โมง พนักงานยืนยันไม่ได้ๆอย่างเดียว

ตอนนั้นเริ่มเครียดเลย อยากจะกรี๊ด คนขับตุ๊กๆบอก เดี๋ยวพาไปหาโรงแรมใหม่ให้ ไม่ไกล แต่ส่วนใหญ่โรงแรมจะเต็มแล้ว ช่วงนี้เป็นวันหยุด เราก็แอบมองหน้ากับผู้ร่วมทริปแบบงงๆว่า มันเป็นวันหยุดยังไง ที่ศึกษามาช่วงนี้ไม่มีวันหยุดราชการนะ แต่ไม่มีทางเลือกแล้วเลยให้คนขับพาไป

คนขับก็พาวนไปถามที่โรงแรมประมาณ 3 โรงแรม ซึ่งโรงแรมกั้นรั้วปิดแล้ว แต่มีคนอยู่หน้าโรงแรม คนที่หน้าโรงแรมก็บอกว่าโรงแรมนี้ห้องเต็มแล้ว (คาดว่าคนที่ยื่นหน้าโรงแรมรอทั้ง 3 โรงแรมน่าจะเตรียมกันมา)

คนขับพาหาโรงแรมมาเรื่อยๆจนถึงโรงแรมหนึ่ง ในซอยมืดๆหน่อย พอรถจอดปั๊ป คนในโรงแรมก็เดินออกมาทันที (โห! ไม่ค่อยเตรียมกันมาเลยเนอะ) คนขับตุ๊กๆถามพนักงานโรงแรมแล้วหันมาบอกว่า ที่นี่ว่างอยู่ 1 ที่ ให้ลงมาดูก่อน เราลงไปคุยกับพนักงานในโรงแรม เขาบอกราคามาจนเราอึ้งกันไปแป๊ปนึง เพราะราคาค่อนข้างแพง เลยบอกคนขับตุ๊กๆไปว่า …ไปโรงแรมอื่นได้ไหม มันก็บอกว่าโรงแรมแถวนี้เต็มหมดแล้ว พร้อมทำท่าแบบไม่ไปส่งอ่ะ ถ้าอยากไปไห้ไปเอง (ตอนนั้นแบบ…โห! อยากกระโดดถีบจัง) พนักงานโรงแรมอินเดียก็ห้อมล้อมเรายังกับจะกินหัว กดดันมากกกกกก

เลยบอกพนักงานโรงแรมว่า …งั้นเราขอนอนตรง lobby แล้วกัน พนักงานยืนยันว่าไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้ ตำรวจจะจับ ไม่ให้นักท่องเที่ยวนอนที่ lobby (โห..นี่กะจะกดดันกันให้ไปนอนข้างถนนกันเลยใช่ไหม?) เราคุยกับพนักงานที่นั่น จนเหนื่อยมากกกก หัวหน้าทีมพนักงานโรงแรมบอกให้เราไปดูห้องก่อน เราขึ้นไปดูห้องกัน (เนื่องจากไม่มีทางเลือกแล้ว) ห้องงั้นๆ แต่จะให้ทำไงเนี่ย ออกไปก็ออกไม่ได้ เลยต้องยอมคุยอีกที เพื่อต่อรองราคา ต่อจนเหนื่อย ไม่ไหวแล้ว ฉันยอมแล้ว นอนก็ได้ เพราะเหนื่อยมาก

ตกลงนอนที่นี่ คนขับชาร์ทค่ารถบาน (ไม่เชิงเรียกชาร์ทเงิน มันเหมือนไถเงินมากกว่า) พนักงานลิ่วล้อโรงแรม 2 คนพาเราขึ้นไปที่ห้อง ปรากฏพนักงานลิ่วล้อไม่ยอมเดินลงไปอีก ยืนรอทิปพร้อมทำหน้ากวน แบบไม่มี service mind ในจิตใจแต่อย่างใด (My God…India เล่นฉันอีกแล้ว… คิดถึงประเทศไทย อยากกลับบ้านตั้งแต่วันแรกซะแล้ว) เราบอกไปว่าตอนนี้ไม่มีเงินให้แล้ว ลงไปได้แล้ว เราจะพักผ่อน พนักงานลิ้วล้อก็ไม่ยอมลงไป ยืนทำหน้ากวน ตอนนั้นหงุดหงิดกับหน้าตาแสนกวนของ 2 คนนี้มาก  เลยตัดปัญหา หยิบๆเงินให้ไป เรื่องจะได้จบๆ ได้นอนกันสักที พนักงาน 2 คนนั้นดันไม่ยอมอีก เพราะเรายื่นเป็นแบงค์ใหญ่ให้ไป แบ่งกันไม่ได้อีก (อะไรกันเนี่ยยยย….แก 2 คนก็ไปแลกเป็นแบงค์ย่อยไปแบ่งกันสิ ฉันไม่มีแบงค์ย่อยแล้วนะ) สรุปต้องควานหากันทั้งกระเป๋าหาเงินให้ 2 คนนั้นเพื่อจะได้ออกไปจากห้องสักที….ในที่สุดเราก็ได้นอน

 

สรุปกลโกงแท๊กซี่และรถตุ๊กๆ :

แท๊กซี่อินเดียมีชื่อในการโกงติดอันดับโลก ดังนั้นเราต้องมีราคาที่เหมาะสมไว้ในใจ และจิตใจที่แข็งแกร่งค่ะ โดยเฉพาะเพิ่งไปอินเดียเป็นครั้งแรก เราจะไม่คุ้นเคยกับบรรยากาศในประเทศอินเดีย (ที่อาจจะน่ากลัวกว่าที่คาดไว้) ซึ่งบรรยากาศอาจทำให้เราโอนอ่อนไปตามสิ่งที่เขาเสนอมา ให้พยายามพาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นอันตราย ถ้าพบการกระทำที่ไม่เหมาะสมก็อาจจะอ้างถึงการแจ้งตำรวจ ฯลฯ กลโกงที่อาจจะเจอได้ เช่น

  • เรียกเก็บค่าโดยสารเกินราคา
  • ราคาไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้
  • ราคาที่ตกลงไว้เป็นทั้งกรุ๊ปแต่ตอนสุดท้ายบอกว่าคิดเป็นต่อคน
  • พาวนออกนอกเส้นทางแล้วคิดเงินเพิ่ม
  • พาวนไป shopping เพื่อให้ซื้อของที่เราไม่อยากได้
  • ถ่วงเวลาเพื่อให้ได้ Extra Charge
  • นัดแล้วไม่มาตามเวลานัด
  • เก็บค่าจอดรถในราคาที่สูงเกินความเป็นจริง
  • เรียกร้องค่าทิปจนเกินงาม
  • พาไปสำนักงานท่องเที่ยวปลอม

 

IN03

แผนผังกลโกงเมื่อคนขับตุ๊กๆร่วมมือกับสำนักงานท่องเที่ยวปลอม

(อาจจะดู font โบราณไปหน่อย พอดีเขียนไว้นานนนนมากแล้ว ขี้เกียจเขียนใหม่  ถือซะว่าเป็นแผนผังแบบคลาสสิคแล้วกันนะ 55)

 

สำหรับกลโกงที่สถานีรถไฟนิวเดลี (New Delhi Train Station)

  • ให้ระวังคนที่พยายามพาคุณไปซื้อตั๋วรถไฟที่จุดอื่นหรือกับตัวแทนท่องเที่ยวปลอมที่จะขายตั๋วเกินราคาให้
  • อย่าเชื่อถ้าเขาบอกว่าจุดขายตั๋วปิด กำลังปรับปรุงซ่อมแซม หรือย้ายไปอยู่ที่อื่น
  • ผู้แอบอ้างบางคนจะหลอกว่าตั๋วต้องผ่านการประทับตราก่อนใช้งานได้ (จริงๆแล้ว ตั๋ว E-ticket ที่ ปริ้นท์มาจากใน อินเตอร์เนตสามารถใช้ได้เลย)
  • บางคนพยายามหลอกว่าตั๋ว waiting list ต้องถูกเช็ค status (ให้เราไปถามกับที่สำนักงานเองเลยจะดีกว่า)
  • เช็ครายละเอียดของตั๋วทั้งเที่ยวโดยสาร,เวลา,ชั้นที่นั่ง ให้เรียบร้อยก่อนจ่ายเงิน

 

¨ไม่ใช่คนอินเดียทุกคนจะเลวร้ายไปทั้งหมด นี่เป็นประสบการณ์ส่วนหนึ่งที่เราเคยเจอ ในการท่องเที่ยวเราสามารถพบเจอได้ทั้งประสบการณ์ที่..มีทั้งดีและร้าย ในระหว่างทริปนี้เราก็ได้เจอกับคนอินเดียที่ดีๆหลายคน …แค่เพียงอยากแชร์ประสบการณ์เพื่อให้ทุกคนได้ระวังตัวกัน เพราะเมื่อเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้ ไม่ว่าที่ประเทศไหน ไม่สนุกแน่ๆ กันไว้ดีกว่าแก้¨

อ่านบทความเกี่ยวกับกลโกงในอินเดียได้ที่ https://journeyaddict.com/2016/01/15/india-scams/

B01

 

Journeyaddict_in Africa


  • “คุณล่ะ คิดยังไง? ใช้พื้นที่คอมเม้นต์ด้านล่าง แชร์ประสบการณ์ หรือ คำแนะนำ ของคุณในหัวข้อนี้¨

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s