อินเดียเพลียๆ – สัมผัสทัชมาฮาลที่อัครา ตอนที่ 3 (India Part3)

CaptureIndia3

[India, May2011]

Journeyaddict_in Africa

วันที่ 2 – สัมผัสทัชมาฮาลที่อัครา

เช้าตื่นมา นาฬิกาไม่ปลุก! รีบสุดฤทธิ์เพื่อให้ไปสถานีรถไฟให้ทัน พนักงานโรงแรมบอกเมื่อคืนว่าจะมีอาหารเช้าให้ เราเลยเดินลงไปบอกให้เขาเตรียมให้ รออาหารเช้าไปแบบใจตุ่มๆต่อมๆว่าจะไปทันรถไฟไหม เพราะยังไม่รู้ว่าชานชาลาไหน พอพนักงานลิ่วล้อ 2 คนเดิม (อีกแล้ว…ไม่อยากเจอหน้า 2 คนนี้เลยจริงๆ) เอาอาหารเช้ามาให้   ไม่พลาดที่จะ…ขอทิปอีกแล้ว (โห…มันจะเกินไปไหม) ขอแบบยืนกดดัน ขอแบบไม่มี service mind ไม่อยากให้จริงๆ ไล่ก็ไม่ยอมไปด้วย ยืนดูเรากินจนแบบต้องให้ไปเพราะตัดรำคาญ กินเสร็จ เราให้พนักงานหารถขับไปส่งที่สถานีรถไฟ เราไปถึงกันแบบเฉียดฉิ่ว คนที่สถานีเยอะมาก (อารมณ์เหมือนกำลังหนีสงคราม) พื้นสถานีด้านนอกเต็มไปด้วยคนนอนกันเกลื่อน ดีที่รถไฟคันที่ไปอัครา อยู่ติดทางเข้า พอมองเข้าไปเห็นพอดี ไม่งั้นต้องตามหาชานชาลากันให้ควั่กแน่นอน ใครที่จะขึ้นรถไฟในอินเดียอย่าลืม เผื่อเวลาในการหาชานชาลาด้วย

สรุปทุกคนที่เราเจอตลอดทาง ไม่ว่า คนขับรถตุ๊กๆ,คนข้างทาง, คนหน้าโรงแรม, พนักงานสำนักงานท่องเที่ยว, พนักงานโรงแรม มันเตี๊ยมกันมาหมดแล้วววว  เราโดนจัดฉาก!ให้เข้าไปอยู่ในสถานะการณ์กดดัน Incredible India ตั้งแต่วันแรกเลยฉัน

IN01แผนที่ตำแหน่งสถานที่ท่องเที่ยวเมืองอัครา (Agra)

 

เราเดินทางออกจากโรงแรมเพื่อขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟนิวเดลีไปอัครา ซึ่งอยู่ในรัฐอุตตรประเทศ (Uttar Pradesh) สำหรับตั๋วรถไฟที่จองผ่านอินเตอร์เนต สามารถปริ้นท์ออกมาใช้แทนตั๋วได้เลย มีนักท่องเที่ยวบางรายเจอกลโกง โดยมีคนที่สถานีบอกว่าตั๋วที่ปริ้นท์มาจากอินเตอร์เนตใช้ไม่ได้ ต้องไปขึ้นตั๋วใหม่ ทำให้ต้องจ่ายเงินเพิ่ม และกลโกงบริษัทท่องเที่ยวที่มักจะบอกว่าตัวเองเป็นตัวแทนโดยตรงจากรัฐบาลเชื่อใจได้ ขอให้ทุกท่านอย่าเพิ่งเชื่อ เพราะส่วนมากจะไม่ใช่มาจากรัฐบาลจริงๆ ให้ตรวจสอบให้ดีก่อน สำหรับรถไฟที่เราจะขึ้นในครั้งนี้เป็นสายยอดฮิตของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปชมทัชมาฮาลที่เมืองอัครา รถไฟ Bhopal Shatabdi Express ออกจากนิวเดลี 6.15น. รถไฟออกตรงเวลาเป๊ะเลย จะถึงอัคราประมาณ 8 โมงกว่าๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. เป็นรถไฟปรับอากาศมีอาหารบริการ ซึ่งเราต้องคอยกะเวลาที่รถไฟจะไปถึงสถานีรถไฟอัคราคานท์ (Agra Cantt) ให้ดี เพราะรถไฟจะจอดให้ลงประมาณ 5 นาทีแล้ววิ่งต่อไปเมืองอื่น ซึ่งสามารถเช็คเวลาจอดแต่ละสถานีของรถไฟแต่ละขบวนได้จากใน Internet

IN02

ภายในรถไฟขบวน Bhopal Shatabdi Express

 

สำหรับบรรยากาศข้างทางริมทางรถไฟ พอออกจากนิวเดลีย่านชานเมืองส่วนใหญ่จะเป็นชุมชนแออัด พอออกนอกเมืองมาไกลๆเริ่มเป็นชนบทมากขึ้น สิ่งที่ทำให้ตกใจ คือ เขาจะนั่งอุจจาระกันข้างทางรถไฟเลย หันหน้าเข้าตู้รถไฟ นั่งตาใสกันเลยทีเดียว (โอ้โห! ที่เขาเล่าขานกันมา จริงๆด้วยนะเนี่ย)

พอชมข้างทางแบบ Incredible India ไปสักพัก เราหลับเอาแรง ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ให้ปลุกก่อน 8.15น. 30 นาทีก่อนที่รถไฟมีกำหนดไปถึง พอตื่นมาเขาก็เอาอาหารมาเสิร์ฟพอดี กำลังหิวเลย เมนูมี ขนมปังสีน้ำตาลแห้งๆหน่อย + แยม 1 เซต, มันบดผสมเครื่องเทศ รสผงกระหรี่ทอด 2 ชิ้น (น้ำมันชุ่มเลย), น้ำมะม่วงสุดฮิตในอินเดีย 1 กล่อง, น้ำเปล่า 1 ขวดใหญ่

 

IN03

อาหารเช้าบนรถไฟ

พอถึงสถานีรถไฟอัคราคานท์ (Agra Canttonment Train Station) จะมีคนขับรถพยายามมารุมล้อมเพื่อให้เช่ารถไปเที่ยวในอัครา ให้เราเดินออกไปที่สถานีข้างนอกจะมี Taxi Prepaid Booth อยู่ ซึ่งจะมีอัตราราคาที่ชัดเจนในการเหมารถไปเที่ยวในอัครา สามารถใช้ราคาที่ติดไว้เป็นราคากลางได้ ตอนตกลงราคากับคนขับ ให้ขอดูรถที่เขาจะพาเราไปด้วยก่อน เพราะอาจมีตุกติกเป็นรถที่ไม่โอเคได้

IN04

บรรยากาศสถานีรถไฟอัคราคานท์

 

สำหรับคนที่มีกระเป๋าเดินทางแต่ไม่ได้ค้างที่อัครา ต้องการฝากกระเป๋า ที่สถานีรถไฟมีห้องรับฝากกระเป๋า (Cloakroom) ให้บริการ ค่าฝากไม่แพง พอกรอกใบรับฝากเสร็จ ลุงปีนขึ้นไปวางของไว้บนชั้นให้ (ไม่มีป้ายผูกใดๆ เพื่อแสดงว่าของใครเป็นของใคร …วางไว้อย่างนั่นแหละ security ม๊ากกก)  ถึงแม้ห้องจะดูไม่ค่อยปลอดภัย แต่ก็โอเคค่ะ ฝรั่งมาฝากของที่นี่กันตรึม อย่างไรก็ตามทรัพย์สินมีค่าต่างๆขอให้ติดตัวเอาไว้เสมอ

IN05

ห้องรับฝากกระเป๋า (Cloakroom)

 

 เราตกลงเหมารถแท๊กซี่เพื่อไปเที่ยว ทัชมาฮาล (Taj Mahal) ในช่วงเช้า และป้อมอัคราในช่วงบ่าย เมื่อเดินทางถึงทัชมาฮาลซึ่งไม่ห่างกันมากนักจากสถานีรถไฟ รถแท๊กซี่จะจอดได้แค่กำแพงด้านหน้า เราต้องเดินเท้าเข้าไปอีกสักระยะหนึ่ง ไม่ไกลมาก ก็จะถึงจุดขายตั๋ว

IN06

มีอูฐให้ขึ้นบริเวณทางเข้าไปทัชมาฮาล

 

วันนี้อากาศร้อนมาก แดดที่นี่จะแสบๆแรงๆ ระหว่างทางเดินเข้าไปมีคนขายแตงกวา พอมีคนมาซื้อเขาก็เหมือนจะทาเกลือให้ ขายเหมือนของกินเล่น เห็นขายกันเยอะเหมือนกัน แต่ไม่ได้ลองชิม เพราะแค่แมลงวันบินกันหึ่มเลย เท่านั้นเอง!

IN07

IN08

 

และเนื่องจากประเทศไทยอยู่ในกลุ่ม BIMSTEC ดังนั้นเราสามารถซื้อตั๋วเข้าชมทัชมาฮาลได้ในราคา 510 บาท/คน จากราคา 750 รูปี และจ่ายค่าเข้าชมป้อมอัครา ในราคาเพียง 10 รูปี/คน  นักท่องเที่ยวบางรายเจอคนขายตั๋วเล่นแง่ โดนการคิดราคาเต็ม แม้เราจะยื่น passport โชว์ว่าเป็นคนไทย ดังนั้นแนะนำให้ print กระดาษใบนี้ไปค่ะ ดาวน์โหลดได้ที่ http://asi.nic.in/PDF_data/Gazette_Notification.pdf  ส่วนการจ่ายค่าตั๋ว หรือค่าแท๊กซี่ บางคนจ่ายด้วยแบงค์ใหญ่ แล้วคนอินเดียไม่ยอมทอน ดังนั้นควรเตรียมเงินให้พอดี (แบงค์ย่อยมีค่ามาก ดังนั้นควรมีแบงค์ย่อยอยู่ในมือเสมอ) เมื่อจ่ายค่าตั๋วเสร็จแล้ว เขาจะให้ถุงคลุมรองเท้า ใช้ตอนเข้าชมด้านในทัชมาฮาล และแจกน้ำ 1 ขวด ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.ในการเข้าชม

 

IN09

ตั๋วเข้าชมทัชมาฮาล

IN10

ในที่สุดๆๆ ก็มาถึงแล้ว คนตรึมจร้าา

 

ก่อนเข้าไปข้างในทัชมาฮาล ต้องใส่ถุงครอบรองเท้าที่เขาให้มาตอนแรกก่อน ถ้าเป็นคนอินเดียเขาจะมีที่วางรองเท้าให้ แล้วเดินเท้าเปล่ากันเลย ข้างในเขาจะห้ามถ่ายรูป แต่เห็นยังมีคนถ่ายกันอยู่เหมือนกัน พอเดินออกมาจะเจอแม่น้ำยุมนาพร้อมฝูงชนที่นั่งพักหนีความร้อนด้านนอก

เราพบคนญี่ปุ่นใส่ส่าหรีอินเดีย อารมณ์ประหนึ่งเธอใส่ชุดกิโมโนไปวัดคิโยมิซิในเกียวโตเลยทีเดียว เพราะแต่งตัวแบบจัดเต็มเหมือนอยู่ญี่ปุ่น

ทางเดินไปห้องน้ำ จะมีบอร์ดโชว์สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในอินเดีย เดินไปหน่อยมีพิพิธภัณฑ์เล็กๆอยู่ ค่าเข้า 5 รูปี

 

IN12

หลังจากชมทัชมาฮาลเสร็จ คนขับพามาร้านอาหารชื่อ Indiana (คนขับน่าจะได้เปอร์เซ็นต์จากที่ร้าน) ร้านสวยดี รู้สึกดีมากได้เข้าห้องแอร์ ร้านนี้ไก่ทานโดริ (Tandoori Chicken) อร่อย กินกับนาน (naan) และโรตี (roti) อาหารที่นี่จะเน้น แป้ง-มัน-ถั่ว โดยเฉพาะข้าว ข้าวอินเดียจะต่างกับข้าวเมืองไทยมาก เพราะข้าวที่นี่เม็ดจะยาวๆผอมๆ แต่พอเราเดินทางขึ้นเหนือไปเรื่อยๆพบว่าอาหารเริ่มสมบูรณ์ขึ้น คือ มีเนื้อมากขึ้น ลักษณะข้าวก็ ต่างกันเลย ข้าวทางเหนือเม็ดจะป้อมๆกว่า

 

IN13

ในร้านอาหาร Indiana

IN14

Tondoori Chicken + Naan

ที่ร้านนี้เราได้เจอกับพี่คนไทย 2 คน ดีใจมากกก (ดีใจเหมือนไม่ได้เจอคนไทยมาเป็นสัปดาห์ จริงๆผ่านไปยังไม่ถึงวันเลย) คุยทักทายว่า เป็นอย่างไรบ้าง โดนหลอกกันบ้างไหม เขาบอกว่าโดนแขกฟันราคาเละเหมือนกัน หลังกินอาหารช่วงคิดเงิน ร้านอาหารส่วนใหญ่ในอินเดียจะมีเหมือนเม็ดเครื่องเทศรสมิ้นท์ๆให้กินเป็นการดับกลิ่นปาก (After Mint)

IN15

After Mint

หลังจากจบมื้อนี้ เราบอกคนขับให้ไปป้อมอัครา (Agra Fort) คนขับบอกเดี๋ยวขอพาไปดูการทำหินอ่อนก่อน แบบที่ทำที่ทัชมาฮาลเลยของรัฐบาลเลยนะ ไปดูก่อน ไม่ต้องซื้อก็ได้ (แน่ะ ฉันรู้นะ) เราก็เลยลองๆไปดูก็ได้ เวลายังเหลือ ไปถึงร้าน หน้าร้านจะแสดงวิธีการทำผลิตภัณฑ์หินอ่อน ในร้านด้านในเป็นที่โชว์สินค้า พอเราเดินเข้าไปภายในร้าน พนักงานถึงเปิดไฟ-เปิดแอร์ เดินๆดูมีสินค้าหลายอย่าง พอเราทำท่าไม่อยากซื้อ เขาก็จะพาเดินไปมุมที่ของเล็กลงมาหน่อย อารมณ์แบบซื้อสักนิดก็ยังดี แต่พิจารณาดูแล้ว บางชิ้นทำลวกๆเกินไป อีกทั้งยังไม่ได้อยากซื้อของที่ระลึก พอตอนจะกลับ เขาจะพยายามคะยั้นคะยอให้ซื้อให้ได้ และนี่ก็เป็นอีกความยากของนักท่องเที่ยว ถ้าเราไม่อยากซื้อ หรือคิดว่าคุณภาพของสินค้าเหล่านั้นยังไม่ได้มาตรฐานและราคายังไม่เป็นที่พอใจ อยากดูที่ร้านอื่นๆก่อนตัดสินใจซื้อ เราต้องยืนยันไปอย่างหนักแน่นว่า ไม่ซื้อค่ะ ต้องใจแข็ง ถ้าไม่เอา ก็คือไม่เอา เพราะเขาจะมีวิธีต่างๆนานาให้คุณใจอ่อน ยิ่งคนไทยยิ่งขี้เกรงใจใหญ่

IN16

ร้านที่ 1 – ร้านขายหินอ่อน
หลังจบร้านหินอ่อน คนขับขับพาไปร้านผ้าและของที่ระลึกแห่งที่ 2 ทันใด จอดปั๊ปเดินมาเปิดประตูให้ลงเลย (โห) เลยต้องเดินลงไปดู แต่ไม่ได้อะไรติดมือกลับมา ร้านค้าที่รถพาเรามา ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่คนเข้าถึงเหมือนอย่างตลาดคนเดิน ร้านอยู่ค่อนข้างกระจัดกระจาย นี่คงเป็นกลยุทธ์เดียวที่จะทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเข้าร้าน ถ้าไม่ทำอย่างนั้น รับรองว่าไม่มีคนมาเข้าร้านแน่ เพราะแต่ละร้านนี่อยู่ในหลืบมาก แล้วถนนในอินเดียมันก็จะงงๆ ไม่มีป้ายถนนที่ชัดเจน ทางเดินเท้าก็ไม่ค่อยมี

IN17

ร้านที่ 2 – ร้านขายของที่ระลึกกระจุกกระจิกกับผ้าส่าหรี
ยัง ยังไม่หมดช่วง ส่งอ้อยเข้าปากช้าง หลังจบร้านผ้า คนขับพาไปต่ออีกที่ร้านขายพรม เป็นแห่งที่ 3ซึ่งคนขับนำเสนอตลอดว่า คุณไม่ต้องซื้อก็ได้ ไปดูก่อน ที่นี่มีแสดงการทำพรมให้ดูด้วย เราก็เออๆ ก็ได้ (ไหนๆพวงมาลัยก็อยู่ในมือแล้วนิ ฉันจะทำอะไรได้ -*-) เข้าไปในร้าน มีพนักงานนั่งถักพรมอยู่ 2 คน ถักด้วยเทคนิคเฉพาะ ผืนหนึ่งทำกัน 3-4 เดือนเลยทีเดียว แล้วก็มีพรมที่มาจากแคชเมียร์ (Kashmir) ด้วย คนขายบอกของแคชเมียร์ แท้ๆจ้า (แต่ทำไมตอนไปถึงแคชเมียร์จริงๆ ร้านขายพรมที่นั่นบอก…โอ้ย!ที่อัครา (Agra) น่ะ มันถักไม่เหมือนกับที่แคชเมียร์หรอก ที่แคชเมียร์สิของแท้ เออ…ไม่เชื่อใครทั้งนั้น หึๆ) จากนั้นเขาพาเดินเข้าไปห้องด้านหลัง เปิดไฟ พรึบ… พรมเต็มห้อง แล้วเขาก็ทำการกางพรมทีละอัน พร้อมกับอธิบายสรรพคุณของพรมไปเรื่อยๆ เราก็เออๆออๆ..ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องกางมาหมด (ที่บ้านใช้เสื่อค่ะ) แต่เขาก็กางออกมาหลายผืน จนเราบอกว่า ยังไงเราคงไม่ซื้อ เอาไว้โอกาสหน้าแล้วกัน คุยอยู่สักพัก ถึงจะปลีกตัวออกมาได้ -*- (ฮือๆ เหนื่อยจัง)

IN18

IN19

ร้านที่ 3 – ร้านขายพรม

 

ในที่สุด เราก็มาถึงป้อมอัครา (Agra Fort) ตอนซื้อตั๋ว เราโชว์ตั๋วทัชมาฮาลกับ passport ไทย จะจ่ายเพิ่มอีกแค่ 10 รูปี ในการเข้าชม ป้อมที่นี่ใหญ่แล้วก็สวยงามมาก โดยส่วนตัวรู้สึกชอบป้อมอัครามากกว่าทัชมาฮาลอีก เพราะมีอะไรให้ดูเยอะดีตามสถานที่ท่องเที่ยวมักจะมีไกด์ท้องถิ่นอยู่มากมาย บางทีจะคอยเดินตามและถามเราว่า เราสนใจใช้บริการไกด์ไหม? ซึ่งเรายังไม่เคยลองใช้บริการดูเหมือนกัน ไม่รู้ว่าแพงไหม แต่ที่แน่ๆกลัวจะโดนมัดมือชกค่าทิปและค่าอื่นๆอีกสารพัด เดินเที่ยวเองสบายใจกว่า

IN20

IN21

IN22

IN23

IN24

Agra Fort (ป้อมอัครา)

IN25

ร้านขายน้ำสุดแสบหน้าป้อมอัครา
ออกมาจากป้อมอัครา หิวน้ำมาก แวะซื้อน้ำมะม่วงสักกล่อง (ที่นี่ฮิตมากและอร่อย) ถามคนขายว่าเท่าไรคนขายบอกทันที 50 รูปี (โห…โก่งราคามากกก นี่กะฉันเออออห่อหมก ควักตังค์ซื้อจะขายราคานี้กันเลยใช่ม่ะฉันเพิ่งซื้อจากร้านข้างๆ ก่อนเข้าป้อมอัคราแค่ 20 รูปี เองนะ) เราเลยต่อไปที่ราคา 20 รูปี คนขายก็อ่ะๆ 20 รูปี(เคยซื้อน้ำมะม่วงกล่องได้ถูกกว่านี้ ราคาแต่ละที่ไม่เท่ากันแล้วแต่คนขายจะตั้งราคา ถ้าราคาดูเกินความเป็นจริงไปมาก ควรจะต่อราคาก่อนด้วย)

หลังจากจบการทัวร์ในวันนี้ เราบอกให้คนขับพาเราไปหาร้าน Coffee Shop เย็นๆกินหน่อย แบบพวกCoffee Bean, Star Buck อะไรประมาณนี้ ที่นี่มีไหม เพราะตอนนี้อากาศร้อนมาก อยากหาอะไรเย็นๆกิน คนขับก็บอก คุณชอบกินชาไหม ชาที่นี่อร่อยมากเลย เดี๋ยวเขาพาไปร้านชาแล้วกัน เราก็อ่ะๆได้ๆขอที่เย็นๆแล้วกันเท่านั้นแหละครับ คนขับพาซอกแซกไปตามทางเรื่อยๆจนมาจอดที่หน้าร้านๆหนึ่ง เราบอกคนขับ (เฮ้ย!) นี่มันร้านชายังไงเนี่ย ไม่ทันขาดคำ คนขับเดินมาเปิดประตูให้เราเดินลง แล้วบอกว่า ที่นี่เป็นร้านเพชรพลอย ลองเข้าไปดูก่อน ไม่ต้องซื้อก็ได้ (มามุกนี้ อีกแล้ว -*-) เราเลยต้องเข้าไปแบบไม่มีทางเลือก พอเข้าไปในร้าน เขาก็จะเปิดไฟ-เปิดแอร์ (นี่…รอเหยื่อโดยเฉพาะเลยชิมิ) พ่อค้าพลอยเชิญเรานั่งก่อนเลย แล้วหยิบถาดอัญมณีมาให้ดูมีอัญมณีหลายอย่าง (จริงหรือปลอมก็ไม่รู้ ดูไม่เป็น) พ่อค้าพูดถึงความสวยงาม และคุณค่าของมันว่าการซื้ออัญมณี “It’s like investment” (คิดในใจ….บังเอิญหนูไม่ค่อยลงทุนในอัญมณีอ่ะค่ะ) แล้วบอกว่า คุณเอาไปเป็นAccessories ก็ได้ ผู้หญิงส่วนใหญ่จะชอบ เอาไปใส่ในแหวน ในต่างหู (เอิ่ม…คือหนูไม่ใช่คนชอบแต่งตัว) นี่ๆ..ดูความเงางามของมันสิ แล้วก็อธิบายความเงางามที่ต่างกันของแต่ละชนิด (ก็…สวยดีค่ะ แต่หนูดูไม่เป็นจริงๆหนูจะโดนหลอกไหมค่ะ) เลยถามพ่อค้าว่า แล้วจะดูรู้ได้ยังไงว่าของจริงของปลอม เขาบอกให้ดูการสะท้อนกับแสง ของแท้จะเห็นเป็นประกายสวยงาม เขาเห็นเราอยากกินชา (จริงๆแล้วหนูอยากกินชามากกว่ามาดูพลอยอีกค่ะ -*-) เขาบอกเดี๋ยวเขาจะเอามาให้ เราบอกไปว่าไม่เป็นไรๆค่ะ (กลัวลำบากใจภายหลัง) แต่..เขาก็ไปสั่งให้ลูกน้องเขาไปเอาชามาให้ (เอาแล้วไง คราวนี้ถอยยากแหละ ฃขอเตือนทุกท่าน ให้ใจแข็งและหนักแน่น บอกไปอย่างหนักแน่นว่า ไม่ๆ เราไม่พร้อมจะซื้อ จะกลับแล้ว เราต้องไปที่อื่นต่อ อย่ารับสิ่งใดที่ถูกหยิบยื่นมาให้

เพราะจะถอนตัวลำบาก เหมือนกลับตัวก็ไม่ได้ จะเดินต่อไปก็ไปไม่ถึง) ระหว่างรอชา เขาชวนคุยนู้นนี่ เนี่ย..เขาบินไปขายที่ภูเก็ตบ่อยๆ ชอบมากเลยเมืองไทย บลา บลาๆ….จนชามา เรากินไปคุยไป เขาเริ่มจะ ปิดการขายค่ะท่านผู้ชม! ตะล่อมต่างๆนานา เม็ดใหญ่ไม่ได้เม็ดเล็กก็ได้นะ เราลำบากใจ จนแบบ อ่ะ..แล้วคุณมีอย่างอื่นขายไหม เราช่วยคุณซื้อได้นะ ที่ไม่แพงนะ ถือเป็นค่าชาแล้วกัน (อารมณ์แบบ ปล่อยฉันไปเถอะ เหนื่อยแล้วนะ) เขาเดินไปหลังร้านหยิบเสื้อสกรีนลายทัชมาฮาลมาให้เลือก (โห! มีด้วย สุดๆอ่ะ) เขาบอกมีหลายสีเลย (นึกในใจคงต้องซื้อสักตัวแล้วล่ะ เพราะไม่งั้น คงไม่ปล่อยเราไปแน่นอน หึๆ) แต่เขาดันพยายามจะให้เราซื้อ 2 ตัวให้ได้เพราะเราไปกัน 2 คน เราก็ไม่ๆ ขอตัวเดียวพอ ต่อราคาเสร็จ ได้เสื้อมาตัวหนึ่งซะงั้น (แสบจริงๆ แขกสมัยนี้ พามากินชาในร้านเพชรพลอย ฮืมมมม) จากนั้นคนขับมาส่งเราที่สถานีรถไฟอัคราคานท์เพื่อรอกลับรถไฟรอบ 20.30 น. เรานั่งรอรถไฟกันที่ร้านอาหาร Comesum ในสถานี เป็นร้านอาหารแฟรนไชส์มีหลายสาขา แต่สาขาที่สถานีรถไฟอัคราคานท์ค่อนข้างเน่าหน่อย แมลงวันเต็มร้านเลย แต่ยังดีกว่านั่งข้างนอกร้าน ในร้านมีฝรั่ง Backpack นั่งกันอยู่บ้าง ที่นี่ล่ะ ที่เราจะสถิตตัวอยู่ 4 ชม.เพื่อรอรถไฟ เราลองสั่งกล้วยปั่นที่ร้านมานั่งกิน ซึ่งตอนพนักงานที่ร้านทำการปั่นเขาจะหยิบน้ำแข็งด้วยมือประมาณหยิบหนึ่ง (น้อยมาก+ความสะอาดก็น้อยมากกกเช่นกัน) ใส่ในโถปั่น ปั่นอยู่นั่นแหละ จนจะละเอียดไปไหน พอเขายื่นแก้วมา ดูดปั๊ป (โห..)ไม่ได้ความรู้สึกความเย็นหรือมีน้ำแข็งอยู่อย่างใด

เรานั่งอ่านนู้นนี่ไปเรื่อย จนมีผู้หญิงชาวอิสราเอลมาขอนั่งด้วย เรานั่งคุยกับเขาไปเรื่อย เขาอายุ 40 กว่าแล้ว มาเที่ยวคนเดียวเลย นั่งไปนั่งมาเริ่มหิว เดินหาอะไรกินแถวนั้น เห็นคนขายกำลังเท lassi อยู่ (ประมาณนมเปรี้ยวโยเกิร์ต) เดินวนดู+พินิจสักพักว่าจะซื้อชิมดีไหม กินแล้วจะท้องเสียไหมเนี่ย เพราะหันไปมองตรงข้ามร้านจะเป็นถังขยะที่มีแก้ว lassi ดินเผาวางกองจนล้นออกมา (เออ…มันจะมีการหยิบแก้วดินเผาจากกองขยะนี้ไปรีไซเคิลไหมเนี่ย เฮือก!) แต่ก็อยากชิม เลยตัดสินใจซื้อมาชิมแก้วนึ่ง (เอาน่ะ…จะได้ถ่ายคล่องๆไง หึๆ) เขามีราดน้ำสีแดงๆ แล้วก็โรยอะไรบ้างอย่าง เหมือนจะเป็นผักไว้ข้างบนด้วย รสชาติเปรี้ยวๆ แต่กินกับถ้วยดินเผาแล้ว…. เหมือนเศษดินเผาติดปาก+เศษดินละลายผสมใน lassi ด้วยเลย (จะท้องเสียไหมเนี่ย ถ่ายคล่องแน่วันนี้)

IN26

ร้านขายลาสซี่ (lassi)

เรานั่งกันจนแบบลูกค้าในร้านเปลี่ยนไปหลายคนมาก ก็ยังไม่ถึงเวลาที่รถไฟจะมา พอประมาณ 1 ทุ่มมีชาวญี่ปุ่น 2 คนเดินเข้ามา อ้าว! (เฮ้ย!) หนุ่ม 2 คนที่เจอที่สำนักงานท่องเที่ยว(ปลอม) เมื่อคืนนี่นา เรานั่งคุยกับเขาพบว่าเขาก็โดนหลอกเหมือนกันแต่เมื่อวานเขาตัดสินใจไม่ไปหาโรงแรมใหม่แต่นั่งรอจนเช้า เขาแทบไม่ได้นอนแล้วเช่ารถมาที่อัครา ส่วนวันนี้เขาจะไปเมืองพาราณสี (Varanasi)ต่อ รอรถไฟรอบ 5 ทุ่ม ซึ่งเขาต้องรออีก 4ชม. จากนั้นเราคุยกันสนุกสนาน ชาวญี่ปุ่น 2 คนนี้เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยมหาลัย แต่ตอนนี้ทำงานกันคนละบริษัท ทำงานด้าน sale พอใกล้ถึงเวลารถไฟออก เราไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่ห้องฝากกระเป๋าและไปรอที่ชานชาลา โดยตามคุณพี่ชาวอิสราเอลไป ซึ่งเขาขึ้นขบวนเดียวกับเราด้วย

IN27

เพื่อนใหม่ที่เจอกันที่สถานีรถไฟอัคราคานท์

ที่ชานชาลา บรรยากาศน่ากลัวเหมือนกัน อาจจะเพราะดึกแล้วด้วย มีฝรั่งที่รอขึ้นรถไฟขบวนเดียวกันอยู่บ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่งสูงอายุหน่อยมากับไกด์ชาวอินเดีย คือมีไกด์ประกบตลอดทำให้ปลอดภัยขึ้นได้เหมือนกัน แล้วไกด์พวกนี้จะพูดภาษาอังกฤษได้ดี รถไฟคันนี้แวะจอดที่อัครา 5 นาที ไปถึงนิวเดลี 22.30 น.พอรถไฟออกสักพัก พนักงานจะเอาอาหารมาให้ เป็น ข้าว + แกงกระหรี่ + แกงถั่ว + ผักดองถ้วยเล็กๆ + จาปาตี + น้ำ 1 ขวดใหญ่ + โยเกิร์ต (ที่นี่โยเกิร์ตจะเปรี้ยวกว่าและเหลวกว่าไทย)

IN28

อาหารบนรถไฟขากลับมานิวเดลี

เราไปถึงนิวเดลีโดยสวัสดิภาพ ขึ้นรถแท๊กซี่ที่สถานีรถไฟนิวเดลีไปโรงแรมจินเจอร์ (Ginger) หลับพักผ่อนเก็บแรงไว้สู้กับแขกต่อในวันพรุ่งนี้ต่อ

Journeyaddict_in Africa

Advertisement

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s