[India, May2011]
เนื่องจากเมื่อวานเราเหนื่อยกับการเดินทางและท่องเที่ยวมาพอสมควร วันนี้เราเลยขอตื่นสายกันสักหน่อยเพื่อชาร์ตพลัง เราพักกันที่โรงแรมจินเจอร์ โรงแรมในเครือ Tata Enterprise (Ginger Hotel – http://www.gingerhotels.com) ลักษณะโรงแรมนี้จะคล้ายๆกับ Tune Hotel ของ Air Asia เป็นอีกโรงแรมที่แนะนำ อยู่ใกล้ Metro ด้วย เดินไปไม่ไกลมาก แต่ระหว่างทางจะดูวุ่นวายหน่อยเพราะโรงแรมนี้อยู่ใกล้สถานีขนส่ง (ต้องเข้าใจอย่างว่าที่อินเดีย ถึงแม้ในแผนที่จะเห็นว่าใกล้กัน เดินได้ แต่ก็อาจจะเดินไม่ได้ เพราะสภาพถนนและทางเท้าที่ไม่อำนวย) สำหรับอาหารเช้า+เที่ยง เราฝากท้องกันที่ร้านอาหาร Comesum อยู่ชั้นที่ 1 ของโรงแรม (ร้านแฟรนไชส์เดียวกับร้านที่เรานั่งรอรถไฟกันที่อัครา แต่บรรยากาศดีกว่าเยอะเลย)
เราเดินเล่นข้างล่างโรงแรม ไปเจอมุมเล็กๆด้านหลังเป็น Travel Desk มีตารางราคาเช่ารถอยู่ น่าสนใจมาก เพราะมีแผนจะเที่ยวที่อักชาร์ดัม (Akshardham) และทัวร์ในเมืองเล็กๆน้อยๆ ซึ่งตอนแรกกะจะไปด้วยรถไฟฟ้า (Metro) แต่หลังจากเห็นสภาพทางเข้า Metro (ที่จะแอบน่ากลัวนิดนึง) เลยคิดว่า ถ้าเหมารถไปเลยจะดีกว่าไหม เพราะสามารถไปส่งได้ถึงสถานที่ท่องเที่ยวได้แบบไม่ต้องเดินไกลและไม่ต้องต่อรองกับรถแท๊กซี่ ตุ๊กๆ เลยถามรายละเอียดกับพนักงานที่โต๊ะในการเหมารถเที่ยววันนี้ ราคาอยู่ที่ 1,250 รูปี/9ชม. มีคนขับรถให้ สำหรับการเช่ารถที่มี Contract กับโรงแรมจะดีอย่างคือ ลดโอกาสในการถูกโกงให้น้อยลง สบายใจกว่า
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการหาที่พักในนิวเดลี มีย่านฮิตๆที่นักท่องเที่ยวชอบไปพัก คือ ย่านพาฮากานจ์ (Paharganj) อยู่ติดกับสถานีรถไฟนิวเดลี เป็นประมาณถนนข้าวสารเมืองไทย ถนนเส้นนี้อัดแน่นไปด้วยที่พัก แต่ต้องเลือกหน่อยเพราะมีทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไป
จุดหมายที่แรกวันนี้ เรามากันที่อักชาร์ดัมเป็นศาสนสถานฮินดู ถ้าไม่ได้เช่ารถมาก็สามารถมาได้โดยรถไฟฟ้า เข้าไปด้านในอักชาร์ดัมจะมีด่านตรวจ เพราะเขาไม่ให้นำสิ่งของต้องห้ามเข้า เช่น กระเป๋า,คอมพิวเตอร์,อาหาร,กล้อง,มือถือ (ดังนั้นจะไม่มีรูปถ่ายด้านในเลย) ต้องฝากไว้ด้านหน้าทั้งหมด แล้วค่อยมารับตอนกลับ แต่ยังดีที่สามารถเอาน้ำเปล่าขวดใสเข้าได้ การเข้าชมอักชาร์ดัมนั้นไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่เมื่อเข้าไปภายในถ้าต้องการชมอย่างอื่นเพิ่มเติมต้องจ่ายเพิ่ม แต่โชว์ของที่นี่ก็คุ้มมาก เขาทำออกมาได้ดีเลย มีทั้งหมด 3 โชว์หลักๆ ใน 3 Hall ใช้เวลาในการเข้าชมที่นี่ประมาณ 3-4 ชม.(ถ้าดูโชว์ด้วย) ด้านในถึงแม้เขาจะไม่ให้เอาอาหารเข้าไป แต่มีโรงอาหารให้ซื้อของกินได้ ราคาไม่แพงมาก เป็นสถานที่แนะนำถ้ามานิวเดลี
อักชาร์ดัม (Akshardham) – รูปจากในเนตนะ
หลังจากจบการชมอักชาร์ดัมก็เกือบเย็นแล้ว เราจึงเดินทางกลับมาที่โรงแรมอีกครั้ง เพื่อเอาของที่ฝากไว้ที่ lobby ขึ้นรถไปด้วย จะได้ไปที่สถานีรถไฟตอนเย็นเลยไม่ต้องย้อนกลับมาอีก เราให้คนขับพาไปวนดูป้อมแดง (Red Fort) รอบนอก (แต่ไม่ได้เข้าไปข้างใน เพราะเวลาไม่พอ) แวะประตูอินเดีย (India Gate) และ อาคารรัฐสภาอินเดีย (India Parliament House)
สำหรับในนิวเดลีจะเห็นมีรถเข็นขายน้ำมะนาวมากมาย เหมือนจะเป็นแฟรนไชส์ เพราะหน้าตารถเข็นเหมือนกันหมด และเขียนที่ข้างรถว่า Refreshment Water Trolly เลยขอลองชิมสักหน่อย ที่เห็นใส่มะนาวในแก้ว 3 ลูกนี่ จริงๆตอนเขาทำให้ เขาใส่แค่ลูกเดียวเองล่ะ -*- น้ำเชื่อมก็หวานเฝื่อนมาก (เหมือนขัณฑสกร ยังไงก็ไม่รู้ หรือมันคือขัณฑสกร?) ไม่เย็นอีกต่างหาก (แล้วมันจะ refresh ยังไง) ที่นี่ตามร้านทั่วไป น้ำแข็งหายากมาก (แทบอยากจะเปิดโรงน้ำแข็ง) และตู้แช่เย็นส่วนใหญ่ เขาจะไม่นิยมเปิดให้เย็น บางที่ก็ปิดการให้ความเย็นไปเลย (งงเหมือนกันว่าแล้วเขาจะซื้อตู้แช่เย็นไว้ทำไม) สรุปชิมน้ำมะนาวเสร็จ (แต่ไม่ได้กินหมดนะ) เริ่มคิดว่าจะท้องเสียไหม ดังนั้นอาหารอะไรที่ไม่เคยกิน และดูไม่ปลอดภัย ก็ชิมๆเฉยๆ ไม่ต้องกินซะหมดนะค่ะ หึๆ
ระวัง! น้ำดื่มในอินเดีย
- หลีกเลี่ยงน้ำแข็งที่คุณไม่รู้ว่ามันปลอดภัยไหม
- อย่าดื่มน้ำจากก๊อกน้ำ
- โปรดระวังน้ำดื่มหรือน้ำผลไม้ที่ขายตามท้องถนน เพราะแก้วหรือภาชนะที่ใส่อาจจะไม่สะอาด
- ตรวจสอบซีลของขวดน้ำก่อนดื่มทุกครั้ง
- หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำจากจุดน้ำดื่มฟรีต่างๆ
ที่นี่เราจะได้ยินเสียงบีบแตรตลอดเวลาจนเหมือนจะเป็น วัฒนธรรมการขับรถในประเทศ โดยเฉพาะท้ายรถบรรทุกเกือบทุกคันจะมีเขียนว่า “Horn Please” “Blow Horn” (กรุณาบีบแตร) เป็นการเชื้อเชิญให้บีบแตรด้วยซ้ำ ส่วนรถยนต์ที่นิยมใช้กันมากก็คือ ทาทา (TATA) รถจะคันเล็กๆ ล้อเล็กๆ รอยบุบรอบคันเนื่องจากผ่านการใช้งานมาโชกโชน
เราเดินทางต่อมาที่สถานีรถไฟฮาซาล นิซามุดดิน (Hazart Nizamuddin) เป็นสถานีรถไฟสายเหนือ (เนื่องจากจองที่นั่งรถไฟขบวนที่ออกจากสถานีนิวเดลีไปอัมริตสาไม่ทัน เต็มซะก่อน) บรรยากาศที่สถานียังไม่ค่อยน่ากลัวมากนักเพราะยังสว่างอยู่ แต่พอมืดเท่านั้นแหละ บรรยากาศน่ากลัวทันที! ชาวต่างชาติแทบไม่มี เราไปถึงสถานีกันก่อนพอสมควร เลยยังไม่มีไฟวิ่งแจ้งรอบรถไฟที่เราขึ้น เราเข้าไปถามพนักงานที่สถานี ซึ่งมีช่อง Inquiry ให้ถาม ได้ความว่าเราต้องรถไฟที่ชานชาลาที่ 1
ตอนนั้นเงินสดในมือใกล้หมด เลยจะลองกด ATM ดู ตู้ที่นี่สภาพน่ากลัวพอควร ปรากฎกดแล้วเงินไม่ออก! (เฮ้ย!) เราเริ่มกังวลว่าตกลงมันตัดเงินไปหรือยัง หรือมีปัญหาอะไรไหม ดูรอบตู้อีกที อ้าว…ตู้นี้มันรับ visa นี่น่า บัตรเรามัน master card (ตอนหลังได้ไปอยู่ในเมืองอื่นแล้วเช็คเงินใน ATM เงินยังไม่ได้ถูกตัดไป) เลยเป็นข้อเตือนใจว่า ถ้าคุณจะกดเงินในต่างประเทศ โดยเฉพาะในจุดที่น่ากลัวๆหน่อย ต้องดูสภาพความน่าเชื่อถือของตู้ให้ดี รวมทั้งถ้าเป็นไปได้ควรลองกดดูก่อนสักส่วนหนึ่ง เพื่อดูว่ากดแล้วเงินออกมารึป่าว! เดี๋ยวจะเครียดป่าวๆ ส่วนบัตรเครดิตไม่แนะนำให้ใช้ที่อินเดีย เพราะยังไม่ปลอดภัยนัก หรืออาจจะใช้เฉพาะสถานที่ที่น่าเชื่อถืออย่างโรงแรมดังๆ
ตู้ ATM ที่สถานีรถไฟฮาซาล นิซามุดดิน (Hazart Nizamuddin)
ด้านหน้าสถานีรถไฟมีร้านอาหาร Comesum (แฟรนไชส์เจ้าเดิม) ให้นั่งรอ ระหว่างนั่งรอในร้าน เขามีทีวีให้ดู ซึ่งเขาเปิดเป็นรายการเพลง พบว่านักร้องที่นี่นิยมร้องกันเป็นคู่ๆ คู่ชาย-หญิง แล้วเต้นกันเก่งมากในสไตล์อินเดีย เช่น เพลง Jee Karda [Singh is Kinng] (ลอง search เพลงนี้ใน you tube ได้) คือเต้นกันเป็นแผง หลายๆคน (เกาหลีต้องมาดูงานเลยทีเดียว) แล้วฉากใน MV อินเดีย จะนิยมใช้สถานที่ท่องเที่ยวประเทศต่างๆเป็นฉาก ประเทศไทยก็มีด้วย
ภายในร้านมีอาหารให้เลือกหลายอย่าง แต่รู้สึกเอียนเครื่องเทศ และ อาหารอินเดียแบบ original มาก เลยขอกินเป็นขนมปังแทน สังเกตจากทุกโต๊ะจะมีขวดน้ำขวดใหญ่ตั้งอยู่บนโต๊กันทุกคน เพราะที่นี่อากาศร้อนมาก ทุกคนแทบต้องพกน้ำคนละขวดตลอดเวลา เพราะเหงื่อออกจากตัวระเหยสู่บรรยากาศหมด
เราเดินไปดูป้ายไฟวิ่งเป็นระยะ ปรากฎว่ารถไฟขบวนเราจะ delay ไปประมาณ 1 ชม. เราไปนั่งรอที่ชานชาลา เพราะกลัวตกรถ รถไฟจะจอดที่นี่แค่ 30 นาที ด้านในสถานีรถไฟ ชาวอินเดียนอนรอรถไฟกันแบบจริงจังมาก เราพยายามยืนอยู่ในที่โล่งๆ ถือสัมภาระไว้ให้มั่นตลอดเวลา หันไปหันมาไม่มีคนต่างชาติเลย เด่นสุดในสถานี ในที่สุดรถไฟก็มาถึง ข้างขบวนจะมีหมายเลขบอก ซึ่งรถไฟขบวนที่เราจะขึ้นนี้ยาวมาก เป็น Sleeper Class (ตู้นอน 3 ชั้นไม่มีแอร์) สักประมาณ 80% ได้
ภายในสถานีรถไฟฮาซาล นิซามุดดิน (Hazart Nizamuddin)
รถไฟที่เราจองเป็นแบบตู้นอนแอร์ 2 ชั้น สภาพนอนได้ มีห้องน้ำที่พอปล่อย ทุกข์เบาได้ แต่ทุกข์หนักคงจะลำบากหน่อย มีอ่างล่างมือให้ล้างหน้า,แปรงฟัน มีผ้าห่มที่ไม่รู้ห่มกันมากี่คนแล้ว คาดว่าคงจะตั้งแต่วันแรกที่รถไฟออกจากต้นทาง (ตึง!) คงประมาณ 2 วันที่แล้วได้ หึๆ แต่เขามีผ้าปูเตียงและหมอนใหม่มาแจกให้ ก่อนนอนเพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สิน เราใช้โซ่ล่ามจักรยานที่พกมาด้วยล่ามกระเป๋าไว้กับเตียง พอเราเริ่มนอน แขกที่นอนฝั่งตรงข้ามก็เริ่มกรน กรนเสียงดังมาก (จนอยากสละหมอนไปอุด… (เอ๊ะ!) เราโหดไปไหม หึๆ) แต่เราก็ยังหลับกันได้ ถึงแม้เสียงกรนจะดัง เพราะวันนี้เหนื่อยมาก
เอาโซ่จักรยานที่พกมาด้วยล่ามกระเป๋าไว้
ขอยคุณมากค่ะ สำหรับขัอมูล บรรยายแบเห๊นภาพเลยคะ
LikeLiked by 1 person