อินเดียเพลียๆ – ศรีนาคาร์ (แคชเมียร์) ตอนที่ 7 (India Part7)

Capture7

[India, May2011]

IN01

เช้าตรู่อันเงียบสงบ เราให้พนักงานโรงแรมติดต่อให้รถตุ๊กๆ มารับที่โรงแรมไปจุดแชร์แท๊กซี่ (Shared-Taxi) เพื่อขึ้นรถไปศรีนาคา (Srinagar) จุดนี้มีรถแชร์แท๊กซี่ที่จอดรออยู่ตรงวงเวียน หน้าปั๊มน้ำมันหลายคัน รถจะรอจนคนขึ้นเต็ม คันหนึ่งรับได้มากที่สุดประมาณ 8 คน เราไปถึงมีคนชิงนั่งตอนกลางของรถไปก่อนซะแล้วเป็น พ่อ แม่และลูกอีก 2 คน เลยต้องไปนั่งหลังซึ่งเป็นที่นั่งแบบหันข้าง (ตอนนั้นก็ดันไม่ไปนั่งข้างหน้าข้างคนขับ ทั้งๆที่ใน lonely planet ก็มีเตือนไว้แล้วแท้ๆว่าอย่านั่งเบาะหลัง สรุปสิ่งที่เคยได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน คำเตือนในหนังสือที่มี เราได้ทำการแหกกฎมันมาหมดเลย หึๆ ดีจริงๆ)

 IN02 ถนนว่างๆยามเช้า   

IN03ปั๊มน้ำมัน

รถออกเดินทางไปได้สักประมาณ 1 ชม. เริ่มมึนหัวตึ๊บอยากจะเปลี่ยนไปขึ้นเครื่องบินแทนโดยด่วน อยากว๊าบ (หายตัวไปอีกจุดหนึ่ง) จริงๆเรามีติดต่อโรงแรมที่ศรีนาคาไว้ก่อนมาอินเดีย ชื่อ โรงแรมสวิส (Hotel Swiss) เขาแนะนำเราว่าการเดินทางจากจัมมูมาศรีนาคาไม่ควรมาทางรถยนต์ เพราะใช้เวลานาน แต่เราก็ไม่คิดว่ามันจะทั้งนานและทรมานขนาดนี้ คนขับก็ขับฉวัดเฉวียดมาก เฉียดนิดนึงนี่ ตกเขาไปแล้ว (ขอไม่มาอีกแล้วนะ เส้นนี้) อีกทั้งเรานั่งหันข้างในรถกันด้วย ถนนก็มีลักษณะขึ้นๆลงๆหุบเขาจนเวียนหัว เส้นทางหวาดเสียว ขอแนะนำทุกท่านว่า การเดินทางจากจัมมูไปศรีนาคาให้ไปทางเครื่องบินดีที่สุดค่ะ

รถหยุดพักจอดกินข้าวเช้าที่ข้างทางประมาณครึ่งชั่วโมง ซึ่งอยากแวะกินเยอะๆตุนไว้เหมือนกัน แต่กลัวจะขย้อนออกมาซะก่อน เลยกินแค่นิดๆ น้ำก็ต้องจิบๆ เพราะเดี๋ยวจะหาห้องน้ำยาก (เฮ้อ!)  ผู้ร่วมทริปบอกว่า เขาชนไก่ ยังไม่ลำบากขนาดทริปนี้เลย….เฮ้ยยยย  ขนาดนั้นเลยหรอออ  นี่ฉันจบทริปกลับไปถึงเมืองไทย จะเหมือนเรียนจบหลักสูตร รด.ที่เขาชนไก่มาแล้วเลยไหมเนี่ย (ผู้ร่วมทริปยังบอกอีกว่าอย่างน้อยเขาชนไก่ก็ไม่โกงให้ปวดใจ ตึง!)

IN04จุดแวะพักกินข้าวเช้า        

IN05ตำแหน่งเบาะหลังอันทรมานของพวกเรา

ขับขึ้น-ลงเขา จนเวลาเกือบเที่ยง คนขับแวะรับคนอีก 2 คนระหว่างทาง มายก๊อตตต! ต้องขึ้นมาเบียดกับเราเบาะหลังแน่ๆเลย แล้ว 2 คนนั้นก็มานั่งข้างๆเราจริงๆด้วย นั่งเบียดกันอบอุ่น ต่างคนต่างผลัดกันหลับ เราเมื่อยเลยมีแอบไปพิงแขกเป็นระยะ รถโยกไปมาจนไปซบแขก เด้งหัวกลับแทบไม่ทัน หลับอีกรอบ สัปหงกจนหัวไปเขกเข่าคนตรงข้าม ดังปั้กเลย อาการหนักจริงๆ ณ จุดนี้

ระหว่างทางจะมีฝูงแพะข้างถนนเป็นระยะ ให้รถหลบไปมา หวาดเสียวเล่นๆ (เฮือก!) ขับมาจนบ่ายแก่ๆ รถหยุดจอดที่ด่านตรวจด่านหนึ่งก่อนถึงศรีนาคา ตอนนั้นก็งงๆว่าจอดทำไม แล้วเราต้องลงไปตรวจอะไรไหม คนขับก็ไม่อธิบายใดๆ เราเลยเดินลงจากรถเพื่อหาห้องน้ำ แต่ไม่มีห้องน้ำ เฮ้อ! เอาไว้ตอนจอดคราวหน้าก็ได้

แถวนั้นทหารเต็มเลย แอบกลัวๆอยู่เหมือนกัน เราเดินหาห้องน้ำแถวนั้น จนเขาเรียกไปตรวจ passport ในป้อม ซึ่งระหว่างนั้นรถทุกคันจอดต่อคิวกันยาว เพราะด่านกั้นไม่ให้ผ่าน ซึ่งเรายังไม่รู้อยู่ดีว่าเขาจอดทำอะไรกัน นึกไปต่างๆนานาว่ามีรถเสียข้างหน้ารึป่าว? หรือเกิดอะไรขึ้นที่ถนนข้างหน้า?

IN06ฝูงแพะข้างทาง         

IN07ด่านก่อนถึงศรีนาคา

สักพักได้ยินเสียงรถเบรกดังเอี๊ยด ลั่นเลย หันไปขวับ ช๊อค ค่ะ ช๊อค เห็นเด็กน้อย กลิ้งขลุกๆ ออกมาจากล้อหน้ารถที่เบรก ตอนนั้นแบบ….อ้าปากค้าง พร้อมกับ อึ้ง! แต่เห็นเด็กลุกขึ้นมาได้ ค่อยโล่งหน่อย เด็กน้อยเกือบโดนสอยไปซะแล้ว  พ่อแม่ของเด็กน้อยวิ่งเข้ามาอุ้มลูกอย่างหน้าตาตื่น โชคดีมากที่ไม่เป็นอะไร เพราะรถคันนั้นเบรคทัน อีกนิดเดียวก็เกือบจะไปอยู่ใต้ล้อแล้ว ช๊อคสุดๆ เพราะเห็นคาตาพอดี พ่อแม่อุ้มขึ้นรถ ปลอบกันใหญ่ คนแถวนั้นกันช๊อคกันเป็นแถว จนกระทั่งรถได้เวลาเคลื่อนตัว คนขับเรียกทุกคนขึ้นรถ ทุกคนเข้าไปอยู่ในรถ พร้อมเดินทาง พอขับมาได้สักพัก อ้อ…เข้าใจล่ะ กำลังมีการก่อสร้างทำอุโมงค์ลอดภูเขาอยู่ ทำให้เหลือเพียงเลนเดียว ดังนั้นรถอีกฝั่งต้องหยุดรอกัน

IN08เด็กน้อยที่เกือบจะโดยรถทับซะแล้ว    

IN09พ่อแม่ของเด็กกำลังปลอบลูกในรถ

ใกล้เข้าศรีนาคาแล้ว รถจอดพักกินข้าวกันอีกรอบที่จุดพักรถ เราแวะกินข้าวกึ่งกลางวันกึ่งเย็นกันที่นี่

เมล็ดข้าวที่นี่ เริ่มต่างจากข้าวที่เดลลีอย่างชัดเจน เมล็ดข้าวดูอ้วนท้วนกว่ามาก (แต่ข้าวหอมมะลิเมืองไทยอร่อยกว่าอยู่ดี อิๆ) ระหว่างกินข้าว เจ้าของร้านอาหารพยายามมาตะล่อมเราให้ไปพักบ้านเรือ (Houseboat) ของน้องเขาในทะเลสาบดาล (Dal Lake) แล้วเขาก็เอาอัลบั้มรูปมาให้ดู เป็นรูปบ้านเรือสวยงามเลยเป็น House Boat A Class เขาเสนอลดราคาให้พิเศษ พร้อมยื่นนามบัตรให้ ตอนนั้นเราปรึกษากันว่า จะลองดูไหม แต่เราได้อีเมล์ไปจองห้องคืนนี้กับ Hotel Swiss ไว้แล้วก่อนมาอินเดีย เป็นโรงแรมใกล้ทะเลสาบดาล ไม่ใช่บ้านเรือ แต่ถ้าเราตกลงจะไปนอนบ้านเรือวันนี้ เราต้องโทร.หรือเมล์ไปยกเลิกที่ Hotel Swiss ก่อนนะ (ตอนหลัง เรารู้สึกแย่มากๆ ที่ไม่ไปนอนที่ Hotel Swiss ตามที่อีเมล์กันไว้)  ต้องยอมรับว่าเขาเจรจาและพูดจนเราคิดว่าเขาน่าจะโอเคไม่โกงเรา (เราก็หลงเชื่อ ซะงั้น! ทั้งที่ พอนึกอีกที เออ…เหมือนเราเคยเจอเหตุการณ์นี้มาแล้วนิ ที่เวียดนาม!) เขาขอให้เราวางมัดจำ 200 รูปีก่อน ซึ่งเราขอให้เขายืนยันอีกทีว่าราคานี้ได้บ้านแบบนี้แน่นะ  ถ้าเราวางมัดจำ 200 รูปีไปแล้ว เราไม่ได้ตามที่เราต้องการหรือตามที่ตกลง คุณต้องคืนเงินและให้เราไปเลือกโรงแรมอื่นๆ เขาก็ตกลงโอเค แน่นอน ยืนยันกับเรา เขาบอกว่าเดี๋ยวน้องเขาจะมารับระหว่างทาง เขาพูดคุยกับคนขับเสร็จสรรพเรียบร้อยว่าจะให้น้องเขาไปรับเราที่ไหน (ซึ่งเราก็ฟังไม่ออกอ่านะ)

หลังแวะพักกินข้าว เพียงไม่นาน เราก็โดนหว่านล้อมจนหลงกลไปซะแล้ว ซึ่งตอนนั้นเรายังไม่รู้ตัว!

หลังรถเดินทางออกมาจากจุดแวะพัก ผู้คนตามถนนหนทางเริ่มออกไปทางแขกขาวตะวันออกกลาง

IN10จุดแวะพักก่อนถึงศรีนาคา 

IN11บรรยากาศมุมหนึ่งในร้านอาหาร  (ของจะหล่นใส่หัวไหม?)


IN12
เจ้าของร้านที่พยายามเสนอที่พัก

IN13บรรยากาศข้างทางก่อนถึงศรีนาคา


IN14

IN15ด็กนักเรียนกำลังเดินกลับบ้าน

น้องของเจ้าของร้านอาหาร (ซึ่งต่อไปเราจะขอเรียกว่า พี่ชายคนกลาง) มารับเราระหว่างทาง เราขนของลง ย้ายไปรถอีกคัน ซึ่งเพื่อนร่วมทางท้ายรถ 2 คนที่นั่งเบียดกับเราตลอดเวลาหลายชม. คงคิดว่า…ชาวต่างชาติพวกนี้ เสร็จไอ้พวกนี้มันอีกแล้วเป็นแน่ หึๆ เราย้ายมาขึ้นรถตู้คันที่น้องชายเจ้าของร้านอาหารมารับ ซึ่งเป็นคนที่หน้าฝรั่งมาก หน้าตาดีเลย

รถขับจนเข้ามาถึงใจกลางเมืองศรีนาคา ริมทะเลสาบดาล (Dal Lake) ซึ่งเราต้องขึ้นเรือชิคารา (Shikara) ต่อไปอีก เพื่อไปยังที่พักบ้านเรือ (Houseboat) ในทะเลสาบดาล ที่นี่อากาศเย็นๆ (~18 องศา) ก็ชิวๆดีเหมือนกัน

IN16พื่อนร่วมทางจากจัมมู    

IN17ย้ายมาขึ้นรถตู้คันนี้

IN18

IN19บรรยากาศในเมืองศรีนาคา (Srinagar)

ที่นี่…ริมทะเลสาบดาล เราได้พบกับ น้องชายคนเล็ก เป็นน้องของเจ้าของร้านอาหารอีกคนหนึ่ง…..ไม่รู้น้องจริงๆกันหรือป่าว เพราะทุกคนหน้าตาคล้ายกันไปหมด แยกไม่ออก แล้วเขาทักทาย หรือแนะนำตัวกัน ก็บอกคนนู้น He is my brother. ….คนนี้ He is my brother. ตกลงเลยไม่รู้คนไหน น้องจริงน้องปลอมกันแน่!

ต่อจากนี้ไป ตัวละครในเหตุการณ์ที่ Houseboat จะมีหลักๆ 3 คน คือ

In21

พี่ชายคนโต /พี่ชายคนกลาง / น้องชายคนเล็ก

  1. พี่ชายคนโต = เจ้าของร้านอาหาร (ที่ตะล่อมเราก่อนเข้าเมืองศรีนาคา)
  2. พี่ชายคนกลาง = คนที่ไปรับเรากลางทางแล้วขับรถส่งในเมืองและเป็นเจ้าของ Houseboat
  3. น้องชายคนเล็ก = จะเป็นคนดูแลคนที่พักใน Houseboat

IN20เรือชิคารา (Shikara)                                    

เราลงจากรถ ขนของลงเรือชิคารา โดยมีน้องชายคนเล็กมารับ เรือค่อยๆพายออกจากฝั่งไปยังที่พัก….เอิ่ม..ที่พักอยู่ในหลืบมาก (เฮ้ย! คุณบอกเราว่า easy to go to the center) จนมาถึงหน้า Lucky Peacock Houseboat ตามที่เจ้าของร้านอาหารบอกไว้ เรามองดูที่พักจากบนเรือชิคารา…ก็โอเคนะ เหมือนรูปในอัลบั้มที่เขาเอาให้เราดู (เหมือนจะไม่ได้เลวร้ายอะไร…) เขาพาเราขึ้นบนเรือ ซึ่งมีท่าขึ้นส่วนกลางเชื่อมระหว่างเรือ Lucky Peacock กับ เรือโทรมๆอีกลำหนึ่ง ท่าตรงกลางเป็นเหมือนชานเรือนที่ยื่นออกมามีโต๊ะและที่นั่งที่เชื่อมระหว่างเรือทั้งสอง และเป็นทางเดินไปข้างหลังเพื่อขึ้นบก

แต่น้องชายคนเล็กและชายกลาง พาเราไปเรือข้างๆ ที่โทรมๆหน่อย (เฮ้ย! เริ่มไม่ชอบมาพากลแล้ว) ให้เรานั่งรอ ระหว่างรอที่เรือโทรม…รอไปสักพัก ไม่มีใครมาสักที เราเลยไปเดินหาเอง เพื่อเรียกน้องชายคนเล็กและพี่ชายคนกลางที่เรืออีกลำหนึ่ง พบว่าเรืออีกลำที่ดูดีกว่า (Lucky Peacock Houseboat) ยังมีคนพักอยู่บนเรือ เราโผล่เข้าไปในเรือเจอคู่สามี ภรรยาชาวฝรั่งเศส เขาทำหน้างงๆเมื่อเห็นเรา เราก็ตกใจ เลยเดินออกมา ส่วนที่เรือโทรมก็มีคนพักอยู่เหมือนกัน เพราะใน Houseboat เขาจะแบ่งเรือเป็นห้องๆ อยู่ได้หลายคน คนที่พักอยู่เดิมในเรือโทรม เป็น Backpacker ฝรั่ง 2 คน ผู้หญิง 1 ผู้ชาย 1 กำลังนั่งฟังพ่อค้าที่มาขายสินค้าบนเรืออยู่

สักพักน้องชายคนเล็กเดินมาหาเรา เขาจะให้เราพักเรือโทรม (เฮ้ย!) เราเถียงไปว่า พี่ชายคุณที่ร้านอาหาร ตกลงกับเราด้วยภาพในอัลบั้มซึ่งเป็นเรือ Lucky Peacock Houseboat ด้วยราคานี้ด้วย เรายื่นนามบัตรซึ่งมีภาพเรือ Lucky Peacock Houseboat ด้านหลังให้ดู พี่ชายคุณบอกว่าจะให้เราพักที่ lucky Peacock ซึ่งคุณดูก็รู้ว่ามันคนละเกรดกับเรือลำโทรมนี้ น้องชายคนเล็กเถียงกลับ บอกว่า Lucky Peacock น่ะ เต็มแล้ว แล้วที่นั่นก็ราคาแพงกว่า คุณต้องจ่ายเพิ่ม ถ้าคุณจะพัก (เฮ้ย!) จ่ายเพิ่มอะไรกัน พี่ชายคุณเป็นคนบอกกับพวกเราเองว่าเป็นที่ราคานี้ได้บ้าน Class A เราคุยกับน้องชายคนเล็กจนเหนื่อย (เหนื่อยมาก เหนื่อยจนภาษาอังกฤษจำเป็นต้องแข็งแรง) งั้นเราจะไปพักที่อื่น ช่วยพาเราไปหน่อย น้องชายคนเล็กบอกไม่ได้ๆ อย่าเพิ่งไปไหน เดี๋ยวเราจัดการให้คุณเองไม่ต้องกลัว รอคุยกับพี่ชายผมแล้วกัน เมื่อกี้เพิ่งเดินออกไปข้างนอก เดี๋ยวมา เราก็เลยต้องรอ เพราะไม่รู้จะออกไปยังไง….เฮ้ออออ

พอพี่ชายคนกลางมา เขายังยืนยันว่า ไม่ได้หรอก ที่พักอีกที่ราคาแพงกว่า เขายื่นใบราคาให้ดู ซึ่งในใบนั้นราคาแพงกว่าจริง แต่เราไม่ได้โกรธที่ราคามันแพงกว่า เราโกรธที่คุณบอกอีกอย่าง แต่ให้เราอีกอย่าง ถ้าเรารู้เราคงไม่พักกับคุณ เพราะคุณกลับกลอกมาก แล้วที่เรือ Lucky Peacock ก็มีคนพักแล้ว คืนนี้ยังไงก็พักไม่ได้ (ถ้าคุณรู้ว่าที่พักมันเต็มแล้ว คุณจะยัดเยียดให้เรามาพักอีกทำไม ถ้าคุณไม่คิดจะโกงอยู่แล้ว) เอาไงดี…ตอนนี้ก็เริ่มเย็นมากแล้วด้วย ถึงแม้ฟ้ายังสว่างอยู่ แต่นี่ก็เกือบ 1 ทุ่มแล้ว แล้วเขาก็ไม่ปล่อยเราไปด้วย ไม่ยอมพายเรือไปส่งที่ฝั่ง เราจะเดินออกทางข้างหลังไปเองก็ไม่ได้เพราะเราไม่รู้ว่าตรงนี้มันอยู่ตรงไหนของทะเลสาบ ทางออกอยู่ตรงไหน ส่วนจะให้ขึ้นเรือหนีไปก็ไม่ได้ เพราะเรือแถวนี้คงเป็นพวกกับมันหมด

จนมันมีไม้เด็ด (อีกแล้ว) พี่ชายคนกลางเสนอขายทัวร์มาซึ่งเป็นราคาที่แพงหน่อย แต่น่าสนใจ เราตกลงกันว่างั้นเราจะซื้อทัวร์คุณ แต่เราไปพักที่อื่นได้ไหม เราขอพักที่นี่ คืนเดียว (แล้วปล่อยเราไปเถอะ -*-) เขาบอกว่า ได้ๆ ได้แน่นอน ถ้าคุณอยากไปพักในเมือง เราเอารถไปรับได้ เราก็ตกลงไป  จากนั้นเขาให้เราเขียนในกระดาษ เหมือนเป็นสัญญาตกลงทัวร์ ซึ่งต้องมัดจำเงินบางส่วน ให้เซ็นกำกับด้วย (พลาดๆๆ มาก เราเซ็นทั้งๆที่ คิดว่ามันน่าจะดี มันจะได้ไม่โกงเรา แต่กลับการเป็นว่า มันดันผูกมัดตัวเรา รวมทั้งในใบ ไม่ได้เขียนเรื่องการรับประกันว่าเราสามารถยกเลิกทัวร์ได้ ถ้าไม่โอเค เราตกลงกันว่าสามารถยกเลิกทัวร์ได้แค่เพียงปากเปล่า ซึ่งตอนหลังพอไม่มีเขียนในสัญญา มันก็ทำเป็นไม่รู้เรื่อง My God! ร้ายมาก)

จากที่เราเถียงจนคอเป็นเอ็น มันก็เริ่มยื่นข้อเสนอต่างๆนานา ให้เราย้ายมาพักที่ Lucky Peacock เลยพรุ่งนี้ คุณจ่ายเพิ่มอีดนิดหน่อย ลดราคาให้พิเศษเลย เพื่อ upgrade ไปอยู่เรืออีกลำ แต่ขอให้อยู่ต่อที่นี่  (ได้ข่าวว่า…ตอนแรกแกตกลงกับฉันเป็นลำ Lucky Peacock  มิใช่รึ) เราก็บอกว่า เราขอดูก่อน จริงๆแล้วเราอยากไปพักในเมืองแล้ว เราอยากเล่นเนต อยากเดินตลาด  มันรีบบอกทันทีเลยว่า เล่นเนตที่นี่ได้สบายมาก เดี๋ยวผมเอาโน๊ตบุ๊คผมมาต่อเนตให้เล่นฟรีเลย เราก็บอกว่า จริงหรอ มันบอกว่า จริงๆ แล้วราคาที่คุณจ่ายเงินมาเนี่ย เรามีอาหารให้ด้วยนะ แม่ผมทำเองเลยเนี่ย อร่อยมาก เราคิดในใจ จริงหรอ จากนั้นเราเลยเอาของไปเก็บในห้อง ทำให้พบว่า ห้องกากกว่าที่คิด!!!! โดยเฉพาะห้องน้ำ กากมาก!

ต้องยอมรับว่า พี่ชายคนกลางเป็น Negotiator (ผู้เจรจาต่อรอง) มาก เพราะพูดลื่นไหล ทำให้เราเออออไปกับมันได้ซะงั้น และเป็นคนที่ป๋า แต่ป๋าแบบทำได้จริงบ้าง ไม่ได้บ้าง โม้บ้าง ทำให้เขาดูเหมือนอยู่เหนือเราตลอด มีแผนที่คิดไว้แล้วตลอด เหมือนมีหลุมพรางที่สร้างดักรอแล้ว คุยกันแล้วเหนื่อยมาก แล้วที่สำคัญ คือน้องชายคนเล็กจะไม่เจรจาคุยกับเราใดๆทั้งสิ้น ถ้าเราจะคุยเรื่องต่อรอง ตกลงราคา น้องชายคนเล็กจะส่งต่อให้รอคุยกับพี่ชายคนกลางอย่างเดียว ซึ่งก็เป็นเทคนิค เพราะน้องคนเล็กคงเหมือนรู้ตัวเองว่าถ้าเขาคุยกับเราแล้วเขาจะเถียงไม่ขึ้น ไม่มีทางไป จนเกือบจะยอมปล่อยเราไป เลยส่งต่อให้พี่ชายคนกลางตลอด สรุป…บ้านนี้ สุดยอดจริงๆ โดยเฉพาะ พี่ชายคนกลาง Negotiator ตัวจริง! ตอนนี้เราเหมือนติดเกาะย่อมๆอยู่ในทะเลสาบ

 

IN22Lucky Peacock Houseboat (ซึ่งไม่แนะนำ)  

IN23ทางเชื่อมบ้านเรือทั้งสอง ฝั่งซ้ายในรูปเป็นเรือโทรม

ฝั่งขวาเป็นเรือที่ดูดีกว่าชื่อเรือ Lucky Peacock Houseboat

IN24ด้านนอกเรือลำโทรม                                                   

IN25ฝรั่งแบ๊คแพ๊คที่ดูงงๆกับชีวิต

จากคุยตกลงกันจนเหนื่อย เราไปนั่งเรือชิคาราทัวร์รอบทะเลสาบก่อนกลับมากินข้าว อากาศค่อยๆเริ่มเย็นมากขึ้น ถึงแม้จะทุ่มกว่าๆแล้วแต่ฟ้ายังสว่างอยู่มาก ที่นี่เราเลยกินข้าวช้าไปโดยปริยาย เรือแล่นผ่าน Houseboat ที่มีอยู่มากมายในทะเลสาบ มุ่งหน้าไปไปสวนเนรู (Nehru Park) ซึ่งเป็นเหมือนสวนหย่อมเล็กในทะเลสาบ มีร้านขายของกลางน้ำด้วย พ่อค้าพยายามพายเรือมาเทียบกับเรือเราเพื่อขายของให้ แบบใกล้ชิดเลยทีเดียว (ไม่อาวววว) เรือจอดแวะให้เราเดินเล่น ถ่ายรูปที่สวนหย่อมเนรูปาร์คสักพัก บรรยากาศดีมาก มีภูเขาล้อมรอบทะเลสาบ พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าพอดี อากาศตอนนี้ประมาณ 13-14 องศาได้ จากนั้นเรือพาแล่นไปยังตลาด(น้ำ) ประมาณตลาดน้ำอัมพวา คือมีร้านขายของอยู่ริมฝั่งสองข้าง แต่เป็นระยะทางไม่ยาวนัก สั้นๆ ส่วนใหญ่จะเป็นร้านขายเสื้อผ้า

ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เรือพายออกจากตลาด มาถึงร้านขายพรมและของที่ระลึกระหว่างทาง จากนั้นเรือจอดให้เราลง (เฮ้ย!) เขาขอให้เราลงไปดูก่อน ไม่ซื้อไม่เป็นไร (ก็คงเหมือนเดิม เป็นร้านที่ตกลงกันไว้แล้ว เป็นจุดให้มาแวะเหมือนที่อัครา) เราบอกผ่านสำหรับวันนี้ ไม่ไหวแล้วจริงๆ เราเหนื่อยมาก เอาไว้วันหลังแล้วกันนะ

คนพายเรือจึงพาลัดเลาะไปตามทาง (ที่แอบเปลี่ยว) เพื่อกลับ House Boat ระหว่างทางเรือหลายลำเริ่มเปิดไฟ ทำให้สวยไปอีกแบบ

IN26

IN27ล่องเรือชิคารา (Shikara)

IN28ร้านอาหารลอยน้ำ                                               

IN29เรือขายของมาจอดเทียบ


IN30
วิวทิวทัศน์       

IN31Mobile Café

IN32เรือชิคาราจอดรอนั่งท่องเที่ยวที่เนรูปาร์ค      

IN33เรือขายอาหารข้างๆเนรูปาร์ค

IN34เนรูปาร์ค (Nehru Park)

IN35

IN36ตลาดน้ำ (Floating Market)

IN37

IN38ร้านขายของระหว่างทางที่เรือจอดให้แวะ              

IN39บ้านเรือยามดึก              

IN40อาหารมื้อดึก

มาถึง Houseboat เขาเตรียมอาหารไว้ให้เราแล้ว อาหารโอเคใช้ได้เลย มีข้าวสวย, แกง, โรตี,มีไก่ด้วย เรากินอาหารเย็นด้วยความหิวโหย ….ส่วนฝรั่ง 2 คนนั้นนั่งเล่นดนตรี (ให้เราฟัง) อยู่ด้านนอก ฝรั่งผู้ชายที่ดูติสๆมึนๆเอาแซ๊กโซโฟนมาเล่นด้วย แอบงงว่า…นี่แสดงว่ามาอยู่นานเลยนะเนี่ย ถึงขนาดเอาแซ๊กโซโฟนมาด้วย ส่วนผู้หญิงเล่นกีต้าร์ได้ เพราะหยิบเอากีต้าร์ในเรือมาเล่นกับฝรั่งผู้ชาย ผู้หญิงจะดูเอ๋อๆหน่อย จากลักษณะการพูดคุย แถมเขาจะใส่หมวกปูสีแดงตลอดเวลา… ฝรั่งผู้ชายก็ดูมึน ส่วนผู้หญิงก็ดูงงๆ ….

แต่ก่อนไปนอน เราขอติดต่อกับโลกภายนอกหน่อย  เราเดินไปบอกกับน้องชายคนเล็กว่า เราอยากเล่นเนต ไหนโน๊ตบุ๊คที่คุณบอกล่ะ ต่อให้เราเล่นหน่อยสิ มันก็อ้ำอึ๊งๆ เราคิดในใจ รู้แล้วล่ะว่าไม่มีให้เล่นใช่ไหม ถึงมีเขาก็คงขี้เกียจต่อให้ (เออ…นะ ดีแต่พูดจริงๆ หึม!) น้องชายคนเล็กอิดออดอยู่สักพัก จนเราถามต่อว่า งั้นแถวนี้มีร้านเนตไหม พาไปหน่อย น้องชายคนเล็กเลยพาเราเดินไปหลังเรือตามทางเดิน ขึ้นบนบก เดินไปสักพักมีร้านเนตโทรมๆอยู่ร้านหนึ่ง น่ากลัวๆหน่อย มีคนนั่งคุย+สูบบุหรี่กันอยู่หน้าคอม เครื่องคอมที่นี่เหมือนจะพังได้ทุกเมื่อ  เราส่งเมล์ไปติดต่อกับ Hotel Swiss ที่ตอนแรกเราจะไปพัก เพื่อ cancel ที่จะพักวันนี้ พร้อมบอกว่า เราจะพยายามออกจากที่นี่เพื่อไปพักที่โรงแรมคุณ เราขอโทษที่ไม่ได้ไปพักที่โรงแรมคุณตามที่ตกลงไว้ในอีเมล์ตั้งแต่แรก เราขอโทษจริงๆ…

 

Leave a comment